
อย่ามาถึงกรรมอันมีโทษเลย
พุทธศาสนสุภาษิต “อย่ามาถึงกรรมอันมีโทษเลย” แปลมาจากบาลีว่า “มา จ สาวชฺชมาคมา” ( ส. ฉ.) เป็นนิพนธ์ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฉิม)วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร หมายถึง:
ไม่ควรกระทำสิ่งที่เป็นบาปหรือความผิด เพราะกรรมที่ไม่ดีจะนำมาซึ่งความเดือดร้อนและผลเสียในภายหลัง และควรดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำที่ก่อให้เกิดโทษแก่ตนเองและผู้อื่น
ความหมาย
สุภาษิตนี้สอนให้เรา ละเว้นการทำความชั่ว อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำที่ผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย หรือการกระทำที่เป็นโทษ เพราะการทำชั่ว ย่อมนำมาซึ่งความเดือดร้อน ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น
กรรมอันมีโทษ
- การฆ่าสัตว์: เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น
- การลักทรัพย์: เอาทรัพย์สินของผู้อื่นมาเป็นของตนโดยมิชอบ
- การประพฤติผิดในกาม: ละเมิดคู่ครองของผู้อื่น
- การพูดเท็จ: โกหก หลอกลวง
- การดื่มสุรา: เป็นเหตุให้ขาดสติ และก่อให้เกิดความเสียหาย
ผลของการทำกรรมอันมีโทษ
- ความเดือดร้อนใจ: รู้สึกผิด กังวล หวาดกลัว
- ความเสื่อมเสียชื่อเสียง: ถูกตำหนิ ถูกประณาม
- การถูกกฎหมายลงโทษ: ถูกจับ ติดคุก
- วิบากกรรม: ได้รับผลกรรมที่ไม่ดี ในอนาคต
พุทธศาสนสุภาษิตนี้สอนให้เรา:
- มีสติ: รู้เท่าทันกิเลส ตัณหา อุปาทาน
- สำรวมกาย วาจา ใจ: ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม ไม่ทำชั่ว
- มีสัมมาอาชีวะ: ประกอบอาชีพสุจริต ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
ตัวอย่างการใช้ในชีวิตประจำวัน
- อย่าคิดทำร้ายผู้อื่น เพราะสุภาษิตกล่าวไว้ว่า อย่ามาถึงกรรมอันมีโทษเลย
- การทำสิ่งผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรม แม้ดูเหมือนจะได้ผลดีในระยะสั้น แต่สุดท้ายก็ต้องเผชิญกับผลกรรม
สรุป
พุทธศาสนสุภาษิต “อย่ามาถึงกรรมอันมีโทษเลย” เตือนใจให้เราอย่าหลงผิดไปทำความชั่ว เพราะกรรมชั่วนั้น มีแต่จะนำมาซึ่งความเดือดร้อน ทั้งในปัจจุบันและอนาคต