
ไม่พึงทำประโยชน์แก่ผู้มุ่งความพินาศ
พุทธศาสนสุภาษิต “ไม่พึงทำประโยชน์แก่ผู้มุ่งความพินาศ” แปลมาจากพระบาลีว่า “นานตฺถกามสฺส กเรยฺย อตฺถํ” (ขุ. ชา. ทสก. ๒๗/๘๔.) หมายถึง:
ไม่ควรให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนบุคคลที่มีเจตนาร้าย มุ่งร้าย หรือกระทำสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ตนเองหรือผู้อื่น เพราะการช่วยเหลือคนเช่นนี้จะนำไปสู่ผลเสียและอาจทำให้เราเดือดร้อนด้วย
ความหมาย
สุภาษิตนี้สอนว่า ไม่ควรช่วยเหลือ หรือทำประโยชน์ให้กับคนที่มุ่งร้ายต่อเรา หรือคนที่คิดร้ายต่อผู้อื่น เพราะการช่วยเหลือคนเช่นนั้น อาจเป็นการสนับสนุนให้เขาทำความชั่ว หรืออาจทำให้เราเดือดร้อน เสียหาย ไปด้วย
ลักษณะของผู้มุ่งความพินาศ
- คิดร้าย: มีเจตนาร้าย ต้องการทำลาย หรือเบียดเบียนผู้อื่น
- ประพฤติชั่ว: มีพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น โกหก หลอกลวง คดโกง
- ไม่สำนึกผิด: ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี ไม่ยอมรับผิด
เหตุผลที่ไม่ควรทำประโยชน์แก่ผู้มุ่งความพินาศ
- เป็นการสนับสนุนความชั่ว: การช่วยเหลือคนไม่ดี อาจเป็นการส่งเสริมให้เขาทำชั่ว
- เป็นอันตรายต่อตนเอง: อาจทำให้เราเดือดร้อนเสียหายไปด้วย
- เป็นการส่งเสริมความไม่เป็นธรรม: ทำให้คนชั่วได้ใจและไม่เกรงกลัวต่อบาป
ตัวอย่างสถานการณ์
- ไม่ควรให้เงิน หรือช่วยเหลือคนที่ติดยาเสพติด หรือคนที่ใช้เงินไปในทางที่ผิด
- ไม่ควรให้ที่พักพิง หรือช่วยเหลือคนที่หลบหนีคดีความ
- ไม่ควรคบหาสมาคม หรือช่วยเหลือคนที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่น
- เขาขอให้ช่วยโกงข้อสอบ แต่ฉันปฏิเสธ เพราะสุภาษิตสอนว่า ไม่พึงทำประโยชน์แก่ผู้มุ่งความพินาศ
- หากเราให้เงินสนับสนุนคนที่ใช้เงินไปกับอบายมุข เราก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมพฤติกรรมที่ไม่ดี”
ข้อควรระวัง
- ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ว่าใครเป็นผู้มุ่งความพินาศ
- ไม่ควรตัดสินคนจากภายนอก แต่ควรดูที่เจตนาและการกระทำ
สรุป
พุทธศาสนสุภาษิต “ไม่พึงทำประโยชน์แก่ผู้มุ่งความพินาศ” สอนให้เรารู้จักแยกแยะคนดี คนชั่วและไม่สนับสนุนคนชั่ว เพื่อป้องกันความเสียหายและส่งเสริมความดีงามในสังคม