
ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต
“ผู้ให้ ย่อมเป็นที่รัก”
พุทธศาสนสุภาษิต “ผู้ให้ ย่อมเป็นที่รัก” เป็นสุภาษิตที่สั้น แต่มีความหมายลึกซึ้ง แสดงให้เห็นถึงผลดีของการเป็นผู้ให้ โดยสามารถแยกความหมายของคำต่างๆ ดังนี้
- ผู้ให้ หมายถึง บุคคลที่เสียสละ แบ่งปัน ให้สิ่งของ หรือ สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ซึ่งการให้ในที่นี้ หมายรวมถึง ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา และสมานัตตตา (หรือเรียกอีกอย่างว่า “สังคหวัตถุ ๔”)
- ย่อม หมายถึง เป็นผลแน่นอน เป็นความจริง
- เป็นที่รัก หมายถึง เป็นที่ชื่นชอบ เอ็นดู อยากเข้าใกล้ เป็นที่พึ่ง เป็นที่หมายปอง
เมื่อนำความหมายมารวมกัน พุทธศาสนสุภาษิตนี้ จึงหมายความว่า “คนที่รู้จักให้ ย่อมเป็นที่รักใคร่ เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไป”
เหตุผลที่ “ผู้ให้ ย่อมเป็นที่รัก”
- การให้ ก่อให้เกิดความประทับใจ: เมื่อเราให้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน การให้ความช่วยเหลือ หรือการพูดจาดีๆ ผู้รับจะรู้สึกประทับใจในน้ำใจ เกิดความรู้สึกดีๆ ต่อผู้ให้
- การให้ สร้างความรู้สึกผูกพัน: การให้ แสดงถึงความจริงใจ ความหวังดี ทำให้เกิดความรู้สึกผูกพัน อยากใกล้ชิด
- การให้ ลดความเห็นแก่ตัว: การให้ ทำให้เราลดความเห็นแก่ตัว รู้จักเสียสละ แบ่งปัน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้คนอยากเข้าใกล้
- การให้ เสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี: คนที่รู้จักให้ ย่อมเป็นที่ชื่นชม ยกย่อง มีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาคนทั่วไป
ตัวอย่าง
- คนที่ชอบบริจาคทาน ช่วยเหลือผู้ยากไร้ มักเป็นที่รักของคนทั่วไป
- คนที่พูดจาไพเราะ อ่อนหวาน มีน้ำใจ มักเป็นที่รักของคนรอบข้าง
- คนที่คอยช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน มักเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน
พุทธศาสนสุภาษิตนี้ สอนให้เราเห็นถึงผลดีของการเป็นผู้ให้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ในรูปแบบใด ก็ล้วนนำมาซึ่งความรัก ความเมตตา มิตรภาพ และความสุข ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น