
ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต
“ผู้ให้ ย่อมผูกไมตรีไว้ได้”
พุทธศาสนสุภาษิต “ผู้ให้ ย่อมผูกไมตรีไว้ได้” มาจากพระบาลีบทว่า ททํ มิตฺตานิ คนฺถติ (สํ. ส. ๑๕/๓๑๖) มีความหมายลึกซึ้ง โดยสามารถแยกความหมายของคำต่างๆ และนำมาประกอบกันได้ดังนี้
- ผู้ให้ หมายถึง บุคคลที่เสียสละ แบ่งปัน ให้สิ่งของ หรือ สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ซึ่งการให้ในที่นี้ หมายรวมถึง ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา และสมานัตตตา
- ย่อม หมายถึง เป็นผลแน่นอน เป็นความจริง
- ผูกไมตรี หมายถึง การสร้างความสัมพันธ์อันดี ความสนิทสนม ความผูกพัน
- ไว้ได้ หมายถึง สามารถกระทำได้ สำเร็จผล
เมื่อนำความหมายมารวมกัน พุทธศาสนสุภาษิตนี้ จึงหมายความว่า “คนที่รู้จักให้ ย่อมสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดี ผูกมิตร ไว้ได้อย่างแน่นอน”
การให้ ที่ทำให้ผูกไมตรีได้
การให้ มีหลายรูปแบบ ดังนี้
- การให้ทาน (วัตถุทาน) เช่น การให้สิ่งของ เงินทอง อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย
- การให้ปิยวาจา เช่น การพูดจาไพเราะ อ่อนหวาน ให้กำลังใจ ปลอบโยน
- การให้อัตถจริยา เช่น การช่วยเหลือ ทำประโยชน์แก่ผู้อื่น
- การให้สมานัตตตา เช่น การวางตัวเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ถือตัว
เหตุผลที่การให้ ทำให้ผูกไมตรีได้
- ก่อให้เกิดความรู้สึกเป็นมิตร: เมื่อเราให้ ผู้รับจะรู้สึกขอบคุณ ประทับใจ เกิดความรู้สึกดีๆ ต่อผู้ให้
- ลดความเห็นแก่ตัว: การให้ ทำให้เราลดความเห็นแก่ตัว รู้จักเสียสละ แบ่งปัน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้คนอยากเข้าใกล้
- สร้างความไว้วางใจ: การให้ แสดงถึงความจริงใจ หวังดี ทำให้เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
- เชื่อมความสัมพันธ์: การให้ เป็นเหมือนสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทำให้เกิดความสนิทสนม ใกล้ชิด
ตัวอย่าง
- การให้ทานแก่ผู้ยากไร้ ทำให้เกิดความรู้สึกเมตตา สงสาร และอยากช่วยเหลือ
- การพูดจาไพเราะ ให้กำลังใจเพื่อน ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง
- การช่วยเหลืองานเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชน
พุทธศาสนสุภาษิตนี้ สอนให้เรารู้จักการให้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น นำไปสู่ความสุข ความสำเร็จ ทั้งในชีวิตส่วนตัว การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคม