
ข้อแนะนำในการเทศน์
โดย สุเมโธ ภิกขุ (สมาน สุเมโธ อุบลพิทักษ์)
วัดป่าแสงอรุณ ขอนแก่น
ก่อนขึ้นบนธรรมาสน์
- ควรไหว้พระพุทธปฏิมาก่อน หากมีพระเถระผู้อาวุโส ควรกราบขอโอกาสท่าน
- การก้าวขึ้นสู่ธรรมาสน์ ให้ปฏิบัติตามที่ได้อบรมมา เมื่อไม่มีความจำเป็น ไม่ควรนั่งขัดสมาธิ ควรนั่งพับเพียบตั้งแต่ให้ศีลไปจนเทศน์จบ
- ตั้ง นะโม ให้ศีล กับ ตั้ง นะโมเทศน์ ต่างกัน ควรปฏิบัติตามระเบียบ
- ให้ศีลข้อที่ ๓. กาเมสุ มิจฉาจารา ให้เว้นวรรคชัดเจน อย่าให้คำต่อเนื่อง จะทำให้ความหมายผิดเพี้ยนไป
- เมื่อถึงตอนจบว่า ตะติยัมปี สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ไม่ควรกล่าวบทว่า ติสะระณะ คะมะนัง นิฏฐิตั้ง เพราะใช้แต่ให้ศีลสามเณร ศีล ๘ ศีลอุโบสถเท่านั้น (รับศีล เพื่อถือปฏิบัติจริง ๆ)
ตอนบอกอานิสงส์ศีล
อิมานิ ปัญจะสิกขาปะทานิ,
สีเลนะ สุคะติง ยันติ (สาธุ ภันเต)
สีเลนะ โภคะสัมปะทา (สาธุ ภันเต)
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ
ตัสมา สีลัง วิโสธะเย (สาธุ กันเต)
ความเป็นมา (ต่างจังหวัด) นิยมตอบรับว่า สาธุ ภันเต เป็นช่วง ๆ พระผู้ให้ศีล ต้องหยุดเว้นระยะไว้ ไม่เช่นนั้นจะขัดจังหวะกัน
การบอกศักราช
- หากเป็นงานที่ไม่จำกัดเวลามาก ควรบอกศักราชด้วย จักทำให้งานมีศักดิ์ศรีมากยิ่งขึ้น และสมบูรณ์แบบ แต่จะต้องว่าให้ถูกมั่นใจได้เต็มที ถ้าไม่มั่นใจ ให้ยกยอดไปเลย ไม่ต้องบอก
- ศักราชที่ควรเปลี่ยนเป็น อะติกกันตานิ, ต่อเมื่อเริ่มต้นศักราชใหม่ (ขึ้นปีใหม่) ตามประเพณีไทย ๑๓ เม.ย. เป็นต้นไป ก่อนหน้านี้ ยังคงใช้เป็น อะติกกันตานิ แปลว่า ล่วงแล้ว สัมปัตตานิ แปลว่า มาถึงแล้ว
การจัดสรรเรื่องเทศน์
- ให้คัดเลือกเรื่องเทศน์ ให้มีเนื้อหาสาระตรงกับงาน อย่าเอาอะไรก็ได้ที่ตนถนัด
- ไม่ควรเทศน์ยกย่องเจ้าภาพมากเกินไปจนน่าเกลียด
- ก่อนแต่จะเทศน์หากมีโอกาส สอบถามประวัติเจ้าภาพ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้ดี เพราะเคยมีพระเทศน์ยกย่องเจ้าภาพไม่ตรงตามความเป็นจริง จนผู้ฟังอายแทน
- ควรคำนึงถึงระดับผู้ฟัง
ชนชั้นชาวเมือง
ชนชั้นชาวชนบท (ชาวบ้าน)
ชนชั้นเด็ก – นักเรียน
ชนชั้นระดับมัธยมศึกษา – อุดมศึกษา
ชนชั้นระดับผู้บริหาร
เป็นทหาร – ตำรวจ เป็นต้น - ไม่ควรหลับตาเทศน์ แต่ไม่ควรกลับกลอกนัยน์ตา อ้าปากกว้างเกินพอดี
- ไม่ควรยกไม้ยกมือ แสดงท่าประกอบเหมือนเล่นละคร เล่นลิเก หรือทำตามแบบหมอลำ
- ขณะเทศน์ ไม่ควรถาม – ตอบ ปัญหาบนธรรมาสน์ กับญาติโยม ทำได้ต่อเมื่อลงจากธรรมาสน์แล้ว
- ไม่ควรชากเสลด ม้วนน้ำลายให้เสียงดัง ดูแล้วเสียมรรยาท
- ไม่ควรแสดงความถ่อมตนหรือว่า ไม่มีเวลาเตรียมตัว เป็นไข้อาพาธก่อนมาเทศน์
- อย่าเทศน์ใจเหม่อลอย เสียสมาธิหรือเหลียวซ้ายแลขวา จนน่าเอื้อมระอา
- อย่าเทศน์เพลินไม่ดูเวลา ผู้เทศน์อาจสนุก แต่ผู้ฟังทนไม่ไหว
- เทศน์มีอุปไมย – อุปมา ให้ชัดเจน ช่วยให้คนฟังเข้าใจง่าย
- ถ้ายกแต่อดีตมาแสลงมากไปก็น่าเบื่อ ไม่ล่อยเข้าใจ ควรยกอุปมาในปัจจุบันบ้าง
- คติธรรม คำคม สุภาษิต และบทกลอนไม่ควรให้มากจนเกินพอดี
- นิทาน ชาดก เมื่อยกมาแสดง ควรสรุป เนื้อหาเป็นแนวทางปฏิบัติได้
ตอนสรุป
- กำหนดเนื้อหาสาระที่ได้เทศน์มาให้สั้น กะทัดรัด เหมาะสมกลมกลืน ให้ผู้ฟังประทับใจ
- ควรมีคติธรรมส่งท้าย ที่ไพเราะเพราะพริ้ง ชวนให้ผู้ฟังมีจิตคล้อยตาม จนทำให้น้ำตาไหล ซาบซึ้งใจ และอยากติดตามต่อไป
- ไม่ควรใบ้หวย หรือบอกเลขเด็ด จะทำให้หมดคุณค่าของพระนักเทศน์
- หากมีคนชมว่าเทศน์ดี รีบชวนคุยเรื่องอื่น อย่าแสลงอาการดิ้นเต้มหรืออวดตัวเพิ่ม
- หากมีเสียงตำหนิติเตียนว่า เทศน์ไม่สมภูมิ ก็อย่าเพิ่งด่วนเสียใจ หรือเกิดอาการโต้ตอบแสดงสีหน้าไม่ชอบใจ จะทำให้เสียมรรยาทนักเทศน์ ยิ้มรับไว้แล้วนำไปแก้ไขในโอกาส ต่อไป
ด้วยเจตนาที่เป็นกุศล
(พระพรหมวชิรดิลก)
วัดป่าแสงอรุณ ขอนแก่น