เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....

การไม่คบคนพาล การปฏิเสธสิ่งไม่ดี
การไม่คบคนพาล การปฏิเสธสิ่งไม่ดี

อเสวนา จ พาลานํ
การไม่คบคนพาล
มงคลธรรมนำชีวิต ข้อ ๑

ธรรมที่ส่งผลให้ถึงความเจริญรุ่งเรือง เรียกสั้น ๆ ว่า “มงคลชีวิต” ท่านผู้รู้กล่าวไว้ว่า ในโลกเรานี้ ไม่มีอะไรจะสำคัญเท่าคน ในตัวคนไม่มีอะไรจะสำคัญเท่าจิตใจ แม้ในจิตใจก็ไม่มีอะไรจะสำคัญเท่าอารมณ์ เพราะมวลธารมณ์ คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ แต่ละอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจให้ดีและเสียได้

วันนี้ มีความยินดีที่จะนำท่านทั้งหลายไปพบกับ “มงคลชีวิต”ด้วยหลักธรรมชั้นยอด ๓๘ ประการ โดยกล่าวเฉพาะเนื้อหาสำคัญ ซึ่งฟังแล้วสามารถนำไปปฏิบัฏิบัติได้ในทันที และผู้ที่นำไปปฏิบัติก็จะสามารถเห็นผลชัดเจนด้วยตนเอง โดยไม่ต้องมีใครมาแนะนำตักเตือน

มงคลชีวิตข้อแรกในวันนี้ คือ การไม่คบ – ไม่ส้องเสพคนพาล เรียกตามภาษายุคปัจจุบันนี้ว่า ธรรมะเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เห็นประจักษ์ชัดเหลือเกินว่า สิ่งแวดล้อมคือคนเรานี้แหละสำคัญกว่าสิ่งอื่น ที่จะทำให้คนที่เข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นคนเลวหรือคนดี ส่วนสิ่งแวดล้อมอันเป็นวัตถุต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่อย่างดาษดื่นนั้น มีความสำคัญลดหลั่นลงไปตามลำดับ ยกตัวอย่างให้เห็น เช่น ยาบ้า สิ่งเสพลิตให้โทษต่าง ๆ มากมี ล้วนเกิดมาจากคนเราทั้งสิ้น สิ่งที่นำกลัว สิ่งเสนียดจัญไร มหาอุบาทว์ ความเดือดร้อนทั้งปวง เกิดมาจากคนเราทั้งสิ้น จริงอยู่ สาเหตุเภทภัย อันตรายนานาชนิด ที่เกิดมีโดยธรรมชาติก็มีอยู่เป็นอันมาก แต่จะเกิดขึ้นแต่ละครั้ง ก็ใช้เวลานับหลายปี และมีวิธีป้องกันได้ดีพอควร แต่สิ่งไม่ดีไม่งามความเลวร้ายอันน่าสยดสยองที่คนเราสร้างขึ้นมานั้น นับว่าน่าหวาดกลัวกว่าเหตุโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่พาลชนก่อขึ้น

ในโลกนี้ เมื่อกล่าวโดยสรุป ก็มีกันอยู่ ๒ จำพวก คือ คนดี กับ คนชั่ว เมื่อเรียกตามภาษาพระก็ใช้คำว่า คนดี ได้แก่บัณฑิต คือผู้ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา สร้างคุณงามความดีไว้ในตน คนชั่วได้แก่คนพาล คือ คนโง่ มีปัญญาน้อย ปราศจากความรู้สึกนึกคิดในเรื่องบาปบุญคุณโทษ มีชีวิตอยู่อย่างคนไร้ค่า มีชีวิตอยู่ก็แค่ลมหายใจเข้า-ออก เท่านั้น

คนพาลหรือคนชั่วนั้น เรื่องที่จะนำมาคิดก็เป็นเรื่องชั่ว ๆ พูดเรื่องไดก็ล้วนแต่เป็นเรื่องชั่ว ทำสิ่งใดก็ล้วนแต่เป็นเรื่องชั่ว รวมแล้วก็คือ คิดชั่ว พูดชั่ว และทำชั่ว นี่เป็นลักษณะอาการที่คนพาล ก่อให้เห็นอยู่โดยปรกติ

คบคนพาลทำให้เสียคน เหมือนธรรมภาษิตที่ว่า “ยํ เว เสวติ ตาทิโส” คบคนเช่นใดก็เป็นคนเช่นนั้น ถึงจะไม่เป็นคนชั่วเสียทั้งหมด ก็ได้รับคำติเดียนจากคนดี และอีกไม่นานก็คงสืบสันดานแห่งคนพาลได้อย่างเต็มตัว ท่านผู้รู้จึงบอกว่า ผู้ที่คบพาล ไม่แตกต่างจากคนที่อยู่ใกล้กองไฟ มีความเร่าร้อน เหมือนถูกขังไว้ที่คับแคบ เหมือนอยู่ในสถานที่มีความแห้งแล้งเพราะขาดฝน เหมือนอยู่ในที่อันรกชัฏ มองหาแสงสว่างไม่ได้ เหมือนอยู่ในที่จึงเต็มด้วยมูตร คูถ มีกลิ่นเหม็นฟุ้งอยู่ตลอดเวลา เหมือนอยู่ในที่อันอดอยากทรมาน มีแต่ความหิวกระหายไม่รู้จักจบสิ้น ส่วนผู้ไม่คบคนดนพาล แต่คบบัณฑิตก็มีนัยตรงกันข้ามคือมีแต่ความสุขความเจริญแต่ถ่ายเดียว ด้วยเหตุนี้ คนโบราณจึงสอนไว้ว่า “คบคนต้องดูหน้า ซื้อผ้าต้องดูเนื้อ” ในที่นี้ คงหมายถึง หน้าที่ กิริยามารยาท อัธยาศัยใจจริงและคุณธรรมของผู้นั้นด้วย เนื่องจากว่า คนเราคบหากันทุกวันนี้ มุ่งผลประโยชน์ของแต่ละฝ่ายเป็นสำคัญ โดยเฉพาะเพื่อนกิน หาได้ง่ายกว่าเพื่อนชนิดอื่น ๆ ดังคำโคลงบทหนึ่งว่า

การไม่คบคนพาล การปฏิเสธสิ่งไม่ดี
การไม่คบคนพาล การปฏิเสธสิ่งไม่ดี

เพื่อนกินสิ้นทรัพย์แล้ว แหนงหนี
หาง่ายหลายหมื่นมี มากได้
เพื่อนตายถ่ายแทน ชีวา – อาตม์
หายากฝากผีไข้ ยากแท้จักหาฯ

ขอให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า เมื่อใดเรามีฐานะพอเป็นไปได้ พออยู่พอกิน หรือมืยศมีตำแหน่งสูงขึ้นกว่าเดิม ชอบจะมีคนมาเสนอหน้าขอรับใช้ ขอเป็นเพื่อนสนิทมิตรสหาย แต่พอทรัพย์สินจืดจางไป หรืออำนาจวาสนาลดน้อยถอยลง จะมองหาผู้คนที่เคยมาสนิท
ชิดชอบ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ท่านผู้รู้จึงเตือนไว้ว่า

ยามบุญมา กาไก่ กลายเป็นหงส์
ยามบุญหลง หงส์เป็นกา น่าฉงน
ยามบุญมา หมูหมา กลายเป็นคน
ยามอับจน คนเป็นหมา น่าอัศจรรย์
เมื่อมั่งมี มากมาย มิตรหมายมอง
เมื่อมัวหมอง มิตรมอง เหมือนหมูหมา
เมื่อไม่มี หมู่มิตร ไม่มองมา
เมื่อมอดม้วย หมูหมา ไม่มามอง

คนพาลก็เป็นเช่นที่ว่ามานี้ จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปมาหาสู่ ไม่ควรเข้าไปตีสนิทชิดชอบ อย่าแสดงความจงรักภักภักดีคนพาล อย่าแสดงความนับหน้าถือตา อย่าร่วมกิน อย่าร่วมนอน อย่าร่วมคิด ให้หลีกเว้นให้ไกลที่สุด อย่าเอาเยี่ยงอย่างไม่ดีของคนพาลมาเป็นแนวทางปฏิบัติเป็นอันขาด ผู้ทำได้เช่นนี้ นับว่า ได้มงคลชีวิตที่ประเสริฐ เป็นอันดับแรก

จากหนังสือ “มงคลธรรมนำชีวิต” โดย พระพรหมวชิรดิลก วัดป่าแสงอรุณ ขอนแก่น


เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....