
สรุปคำบรรยาย
เทศน์อย่างไรไม่ผิดหลัก
โดย พระธรรมดิลก (สมาน สุเมโธ ป.ธ.๙, ดร)
วัดป่าแสงอรุณ ขอนแก่น
หลักการเทศน์ ๕ (ของนักเทศน์)
๑. อนุปุพุพิกถํ กเถสุสามิ เราจักแสดงธรรมไปโดยลำดับ
๒. ปริยายทสฺสาวี กถํ กเถสฺสามิ เราจักแสดงธรรมอ้างเหตุผล
๓. อนุทยตํ ปฏิจฺจ กถํ กเถสฺสามิ เราจักแสดงธรรมอาศัยความเย็นลู
๔. น อามิสนฺตโร กถํ กเถสฺสามิ เราจักไม่แสดงธรรมเพราะเห็นแก่ลาภ
๕. อตฺตานญฺจ ปรญฺจ อนุปหจฺจ กถ์ กเถสฺสามิ เราจักไม่แสดงธรรมกระทบตนและผู้อื่น
อง.ปญฺจก.๒๒/๑๕๙/๒๐๖
๑. เราจักแสดงธรรมไปโดยลำดับ
๑.๑ แสดงธรรมจากต่ำไปหาสูง เช่น ทานกถา สีลกถา สัคคกถา อาทีนวกถา และเนกขัมมานิสังสกถา หรือ โดยย่อ คือ ทาน ศีล ภาวนา
๑.๒ แสดงธรรมไม่ตัดตอนให้เสียความโดยยึดหลัก สำคัญ ๓ ประการ
๑.๒.๑ อุเทศ บทตั้ง หรือ ตัวกระทู้
๑.๒.๒ นิเทศ บทอธิบายขยายความ
๑.๒.๓ ปฏินิเทศ บทสรุปเนื้อหา
ให้ตรงกับคำว่า
อาทิกลฺยาณํ ไพเราะในเบื้องต้น
มชฺเฌกลฺยาณํ ไพเราะในท่ามกลาง
ปริโยสานกลฺยาณํ ไพเราะในที่สุด
๒. เราจักแสดงธรรมอ้างเหตุผล
ตัวอย่าง
อุฏฺธาตา วินฺทเต ธนํ ผู้ขยันย่อมหาทรัพย์ได้
อุฏฺธาตา ผู้ขยัน เป็นการปฏิบัติธรรมส่วนเหตุ
ธนํ ทรัพย์ เป็นผลที่เกิดมาจากเหตุ
๒.๑ อุฏธาตา
ผู้ขยัน ได้แก่ ขยันขันแข็ง มีความบากบั่น ไม่ย่อท้อ ไม่หลีกเลี่ยงงาน ทำงานจนสำเร็จ ไม่หยุดกลางครัน เว้นจากการอ้างว่า หนาวนัก ร้อนนัก เวลาเย็นแล้ว ยังเช้าอยู่ หิวนัก กระหายนัก
๒.๒ ลักษณะผู้มีความขยัน ๓ ประการ
- อนิกฺขิตฺตธุรตา รีบทำธุระที่ค้างไว้ไม่ทอดธุระ
- อนิพฺพินุทตา ทำงานที่มาถึงไม่เหนื่อยหน่ายชักช้า
- อสงฺครตา ทำงานตามเวลาไม่อ้างเหตุต่าง ๆ
๒.๓ ธนํ ทรัพย์ ท่านว่า มี ๔ อย่าง คือ
(๑) วัตถุทรัพย์
(๒) อวัยวะทรัพย์
(๓) ชีวิตทรัพย์
(๔) อริยทรัพย์
ธนํ ทรัพย์ ในที่นี้ หมายถึง วัตถุทรัพย์ ซึ่งอาจจำแนกออกเป็น ๓ ประเภท ได้แก่
(๑) โภคทรัพย์ ของบริโภค – ใช้สอย
(๒) อติเรกทรัพย์ เครื่องประดับตกแต่ง
(๓) ธนทรัพย์ เงินตรา หรือ สิ่งใช้แทนเงินตรา ตรงกับหลักการแสดงธรรมของพระพุทธเจ้า ข้อที่ว่า พระองค์ทรงแสดงธรรมมีเหตุผลที่ผู้ฟังอาจตรองตามให้เห็นจริงได้
๓. เราจักแสดงธรรมอาศัยความเอ็นดู
๓.๑ ยึดอุดมคติผู้ประกาศศาสนา ตามพระพุทธดำรัสที่ว่า จรถ ภิกฺขเว จารกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย
ภิกษุทั้งหลายพวกเธอจงเที่ยวจาริก เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวโลก
๓.๒ คำนึงถึงธรรมค้ำจุนโลก
โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา
เมตตา เป็นธรรมค้ำจุนโลก
๓.๓ มุ่งประโยชน์ของผู้ฟังเป็นสำคัญ
อย่างพุทธรำพึงที่ว่า
อตฺถิ นุ โข มยฺหํ เอตฺถ คติปจฺจเยน อตโถ
จะมีประโยชน์บ้างหรือไม่หนอ ด้วยปัจจัยที่เราไปในที่นั้น
๓.๔ เอาอย่างพระอริยสาวกผู้มีกรุณาธรรม
- พระมหาโมคคัลลานะ ช่วยมัจฉริยโกสิยเศรษฐี (ให้มีศรัทธา)
- พระกุมารกัสสปะ ช่วยพระเจ้าปายาสิ (ให้ได้สัมมาทิฏฐิ)
- นิโครธสามเณร ช่วยพระเจ้าอโศกมหาราช (ให้เลื่อมใสพระพุทธศาสนา)
๓.๕ เตรียมพร้อม
๓.๕.๑ เตรียมตน
- หัวข้อธรรมที่แสดง
- ธรรมที่เป็นสาระสำคัญ
๓.๕.๒ ผู้รับฟัง - วัย
- สถานะ อาชีพ ความรู้
- พื้นฐานทางศีลธรรม
๔. เราจักไม่แสดงธรรมเพราะเห็นแก่ลาก ด้วยสำนึกว่า
๔.๑ การแสดงธรรมเป็นหน้าที่ คือการเผยแผ่ธรรมะ
๔.๒ ไม่คำนึงถึงอามิส – บริขารเครื่องใช้ไทยธรรมอื่น ๆ ที่จะพึงได้
๔.๓ ไม่มุ่งยศศักดิ์หรือชื่อเสียงอื่นใดเป็นเครื่องตอบแทน
๔.๔ รับสนองศรัทธาตามวัน เวลา และสถานที่กำหนดไว้ตามลำดับ และโดยไม่เลือกบุคคล
๕. เราจักไม่แสดงธรรมกระทบตนและผู้อื่น ตั้งกุศลเจตนาไว้ว่า
๕.๑ เวลาแสดงธรรมจะปล่อยวางอารมณ์โกรธ ความอวดดี และอารมณ์ร้ายทั้งหมดออก จากจิตใจให้ได้
๕.๒ จะไม่ยกตนข่มผู้อื่นว่ารู้ธรรม แสดงธรรม และได้รับการฝึกอบรมมามากกว่า ดีกว่า ผู้อื่น
๕.๓ จะงดเว้นการแสดงธรรมโจมตีลัทธิศาสนาอื่น และบุคคลอื่น ไม่ว่ากรณีใดๆ
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมในลักษณะ ๔ ประการ คือ
๑. สันทัสสนา ทรงแสดงให้ผู้ฟัง ได้เข้าใจแจ่มแจ้งชัดเจน ด้วยอุปมา นิทาน เป็นต้น
๒. สมาทปนา ทรงแสดงให้ผู้ฟังมองเห็นคุณของกุศลกรรม โทษของอกุศลกรรมในทุกด้าน พร้อมที่จะสมาทานถือปฏิบัติได้
๓. สมุตเตชนา ทรงแสดงให้ผู้ฟังเกิดลวามพอใจ กล้าหาญและมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติให้เห็นผลด้วยตนเองได้
๔. สัมปหังสนา ทรงแสดงให้ผู้ฟัง เกิดความร่าเริงเพลิดเพลิน ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายในขณะนั้น ๆ
หากปฏิบัติและฝึกฝนอบรมตนได้ตามนี้ จะสามารถแสดงธรรมให้ผู้รับฟังได้รับประโยชน์ ได้รับอานิสงส์ ทั้งผู้แสดงเอง ก็จะได้รับความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่มุ่งหมายทุกประการ