
ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต “ความอดทน เป็นเครื่องประดับของนักปราชญ์”
พุทธศาสนสุภาษิต “ความอดทน เป็นเครื่องประดับของนักปราชญ์” มาจากภาษาบาลีว่า ขนฺติ ธีรสฺสลงฺกาโร. ปรากฏในสวดมนต์ฉบับหลวง (พิมพ์ครั้งที่ ๕) (ไม่ใช่พุทธวจนะ ไม่มีในพระไตรปิฎก)
ความหมายโดยสรุป:
พุทธศาสนสุภาษิตนี้ต้องการสื่อว่า บุคคลผู้เป็นนักปราชญ์ หรือผู้มีปัญญา ย่อมมี “ความอดทน” เป็นคุณลักษณะสำคัญ เปรียบเสมือนเครื่องประดับที่ช่วยเสริมสร้างให้ดูสง่างาม มีคุณค่า และน่าเคารพยิ่งขึ้น
อธิบายเพิ่มเติม:
- นักปราชญ์ ในที่นี้ หมายถึง ผู้มีปัญญา รู้ดีรู้ชั่ว มีคุณธรรม และประพฤติปฏิบัติตนในทางที่ถูกต้อง
- เครื่องประดับ ไม่ได้หมายถึงเพียงวัตถุภายนอก แต่หมายถึงคุณลักษณะที่ดีงามที่ทำให้บุคคลนั้นมีคุณค่าและน่านับถือ
- ความอดทน เป็นคุณสมบัติที่สำคัญของนักปราชญ์ เพราะ:
- ช่วยให้สามารถควบคุมอารมณ์ได้: ไม่โกรธง่าย ไม่หุนหันพลันแล่น
- ช่วยให้สามารถเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างมีสติ: ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก
- ช่วยให้สามารถพิจารณาไตร่ตรองสิ่งต่างๆ ได้อย่างรอบคอบ: ไม่ด่วนตัดสินใจ
- ช่วยให้สามารถรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่นได้: รู้จักอดทนอดกลั้นต่อคำพูดหรือการกระทำที่ไม่เหมาะสมของผู้อื่น
ดังนั้น นักปราชญ์จึงมักมีความอดทนเป็นคุณธรรมประจำใจ เพราะความอดทนจะช่วยให้สามารถใช้ปัญญาได้อย่างเต็มที่ นำพาตนเองและผู้อื่นไปสู่ความเจริญและความสุข
ตัวอย่าง:
- นักปราชญ์เมื่อถูกผู้อื่นดูหมิ่น ย่อมอดทน ไม่โกรธตอบ แต่จะใช้ปัญญาพิจารณาและชี้แจงอย่างมีเหตุผล
- นักปราชญ์เมื่อเผชิญกับความยากลำบาก ย่อมอดทน ไม่ย่อท้อ แต่จะใช้สติปัญญาหาทางแก้ไขปัญหา
- นักปราชญ์เมื่อเห็นผู้อื่นทำผิดพลาด ย่อมอดทน ไม่ซ้ำเติม แต่จะใช้เมตตาช่วยเหลือและชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง
สรุป:
“ความอดทน เป็นเครื่องประดับของนักปราชญ์” เป็นพุทธศาสนสุภาษิตที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความอดทนว่าเป็นคุณธรรมที่สำคัญยิ่งสำหรับผู้มีปัญญา เพราะความอดทนจะช่วยส่งเสริมให้ปัญญาเจริญงอกงาม นำพาตนเองและผู้อื่นไปสู่ความสำเร็จและความสุขที่แท้จริง