
ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต “ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข”
พุทธศาสนสุภาษิต “ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข” มาจากภาษาบาลีว่า ขนฺติ หิตสุขาวหา. ปรากฏในสวดมนต์ฉบับหลวง (พิมพ์ครั้งที่ ๕) (ไม่ใช่พุทธวจนะ ไม่มีในพระไตรปิฎก)
“ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข” เป็นการขยายความเพิ่มเติมให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยสื่อว่า
- ความอดทน (ขันติ): หมายถึง การอดทนต่อสิ่งต่างๆ ทั้งทางกายและทางใจ เช่น อดทนต่อความยากลำบาก อดทนต่อคำพูดล่วงเกิน อดทนต่อความเจ็บปวด อดทนต่อความโกรธ อดทนต่อกิเลสต่างๆ
- นำมาซึ่งประโยชน์สุข: หมายถึง ผลลัพธ์ที่ดี ความสุข ความสำเร็จ ความเจริญก้าวหน้า ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
ความหมายโดยสรุป:
พุทธศาสนสุภาษิตนี้สอนให้เห็นถึง ความสำคัญของความอดทน ว่าเป็นคุณธรรมที่สำคัญยิ่ง เป็นเสมือนการบำเพ็ญเพียรเผากิเลส เมื่อมีความอดทน ไม่ว่าต้องเผชิญกับอุปสรรค ความยากลำบาก หรือสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ใดๆ ก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้ และนำมาซึ่งประโยชน์และความสุขในที่สุด
อธิบายเพิ่มเติม:
- ความอดทนไม่ใช่การยอมจำนน: แต่เป็นการใช้สติปัญญาในการเผชิญกับปัญหาและความท้าทายต่างๆ อย่างมีสติ ไม่หวั่นไหว ไม่ยอมแพ้
- ความอดทนต้องควบคู่กับปัญญา: คือการอดทนอย่างมีเหตุผล รู้จักอดทนในสิ่งที่ควรออดทน และไม่อดทนในสิ่งที่ไม่ควรอดทน
- ความอดทนนำมาซึ่งความสำเร็จ: เมื่อมีความอดทน แม้จะต้องใช้เวลานานหรือยากลำบากเพียงใด ก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
ตัวอย่าง:
- นักเรียนที่อดทนต่อความยากลำบากในการเรียน หมั่นฝึกฝนทบทวน ย่อมประสบความสำเร็จในการศึกษา
- นักกีฬาที่อดทนต่อการฝึกซ้อมอย่างหนัก ย่อมได้รับชัยชนะในการแข่งขัน
- ผู้ที่อดทนต่อคำนินทาว่าร้าย ไม่โกรธตอบ ย่อมรักษาความสงบสุขในใจไว้ได้
- ผู้ที่อดทนต่อความยากจน ขยันหมั่นเพียรทำงาน ย่อมสามารถสร้างฐานะให้มั่นคงได้
สรุป:
“ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข” เป็นพุทธศาสนสุภาษิตที่สอนให้เห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของความอดทนว่าเป็นคุณธรรมที่นำไปสู่ความสุข ความสำเร็จ และความเจริญก้าวหน้าทั้งทางโลกและทางธรรม