เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....

ผู้มีปัญญาทราม ย่อมฆ่าตนเองเหมือนฆ่าผู้อื่น เพราะอยากได้โภคทรัพย์
ผู้มีปัญญาทราม ย่อมฆ่าตนเองเหมือนฆ่าผู้อื่น เพราะอยากได้โภคทรัพย์

ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต “ผู้มีปัญญาทราม ย่อมฆ่าตนเองเหมือนฆ่าผู้อื่น เพราะอยากได้โภคทรัพย์”

พุทธศาสนสุภาษิตผู้มีปัญญาทราม ย่อมฆ่าตนเองเหมือนฆ่าผู้อื่น เพราะอยากได้โภคทรัพย์” มาจากพระบาลีบทว่า โภคตณฺหาย ทุมฺเมโธ หนฺติ อญฺเญว อตฺตนํ. (ขุ. ธ. ๒๕/๖๓.) มีความหมายว่า บุคคลผู้มีปัญญาน้อยหรือเขลา มักจะทำร้ายหรือเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองหรือผลประโยชน์ต่าง ๆ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องและผลที่จะตามมา

อธิบายขยายความได้ดังนี้:

  • ผู้มีปัญญาทราม : หมายถึง คนโง่เขลาเบาปัญญา ขาดสติ ขาดปัญญา ขาดการพิจารณาไตร่ตรอง
  • ย่อมฆ่าตนเอง : ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการฆ่าตัวตายโดยตรง แต่หมายถึงการทำร้ายตัวเองทางอ้อม ด้วยการกระทำที่ไม่ดี นำความทุกข์ ความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง
  • เหมือนฆ่าผู้อื่น : หมายถึง การเบียดเบียนผู้อื่น ทำร้ายผู้อื่น ทั้งทางกาย วาจา และใจ
  • เพราะอยากได้โภคทรัพย์ : หมายถึง เพราะความโลภ ความอยากได้ในทรัพย์สินเงินทอง ลาภยศ สรรเสริญ หรือผลประโยชน์ต่างๆ

ความหมายโดยรวม:

คนโง่เขลามักถูกความโลภครอบงำ ทำให้แสวงหาทรัพย์สินเงินทองและผลประโยชน์ต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงวิธีการ ไม่สนใจว่าจะเบียดเบียนผู้อื่นหรือไม่ การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทำร้ายผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำร้ายตัวเองด้วย เพราะจะนำมาซึ่งความทุกข์ ความเดือดร้อน และผลกรรมต่างๆ ในภายหลัง

ทำไมผู้มีปัญญาทรามจึงฆ่าตนเองเพราะอยากได้โภคทรัพย์?

  • เพราะขาดการยับยั้งชั่งใจ: ถูกความโลภครอบงำจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้
  • เพราะมองไม่เห็นผลเสียในระยะยาว: มุ่งหวังแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา
  • เพราะขาดศีลธรรม: ไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ไม่ละอายต่อบาป
  • เพราะเชื่อในวิธีการที่ผิด: คิดว่าการได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยมิชอบจะนำมาซึ่งความสุข แต่ในความเป็นจริงกลับนำมาซึ่งความทุกข์

ตัวอย่างของการ “ฆ่าตนเอง” เพราะอยากได้โภคทรัพย์:

  • การทุจริตคอร์รัปชัน: แม้จะรู้ว่าผิด แต่ก็ทำเพราะอยากได้เงินทอง สุดท้ายก็ถูกลงโทษ เสื่อมเสียชื่อเสียง
  • การพนัน: หวังรวยทางลัด แต่สุดท้ายก็หมดตัว เป็นหนี้สิน
  • การลักขโมย: อยากได้ของของผู้อื่นโดยไม่สุจริต สุดท้ายก็ถูกจับ ติดคุก
  • การทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย: เช่น ค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ แม้จะได้เงินมาก แต่ก็ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง และสุดท้ายก็ต้องรับโทษ

ผลที่ตามมาจากการกระทำ:

  • ผลกรรมในปัจจุบัน: อาจถูกลงโทษตามกฎหมาย เสียชื่อเสียง สูญเสียทรัพย์สิน ถูกสังคมรังเกียจ
  • ผลกรรมในอนาคต: ต้องไปเกิดในอบายภูมิ (นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน)

แนวทางแก้ไข:

  • พัฒนาปัญญา: ศึกษาพระธรรม ฝึกสติ สมาธิ เพื่อให้เกิดปัญญา รู้เท่าทันกิเลส
  • รักษาศีล: ละเว้นจากการเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น
  • รู้จักพอเพียง: ดำเนินชีวิตด้วยความสันโดษ ไม่โลภมาก
  • ประกอบอาชีพสุจริต: หาเลี้ยงชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

สรุป:

พุทธศาสนสุภาษิตนี้เตือนสติให้เราเห็นถึงโทษของความโลภและความเขลา ที่นำไปสู่การเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น ดังนั้น เราจึงควรพัฒนาปัญญา รักษาศีล รู้จักพอเพียง และประกอบอาชีพสุจริต เพื่อชีวิตที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรืองทั้งในชาตินี้และชาติหน้า


เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....