เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....

กรรมย่อมจำแนกสัตว์ คือให้ทรามและประณีต
กรรมย่อมจำแนกสัตว์ คือให้ทรามและประณีต

พุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “กรรมย่อมจำแนกสัตว์ คือให้ทรามและประณีต” มาจากพระบาลีบทว่า กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตตาย. (ม. อุป. ๑๔/๓๘๕.) มีความหมายลึกซึ้งดังนี้

กรรมย่อมจำแนกสัตว์ หมายถึง กรรมที่แต่ละคนทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว ย่อมส่งผลให้เกิดความแตกต่างในลักษณะต่าง ๆ ของแต่ละบุคคล เปรียบเหมือนตัวจำแนกประเภทของสัตว์ ทำให้สัตว์แต่ละชนิดมีรูปร่าง ลักษณะนิสัย และความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน

คือให้ทรามและประณีต หมายถึง ผลของกรรมที่ทำให้คนมีฐานะ ชาติกำเนิด รูปร่างหน้าตา สติปัญญา สุขภาพ อายุขัย และโชคชะตาที่แตกต่างกัน

  • ทราม หมายถึง ผู้ที่เกิดมามีฐานะต่ำต้อย ยากจน ขาดโอกาส มีรูปร่างหน้าตาไม่งดงาม สติปัญญาทึบ สุขภาพไม่แข็งแรง อายุสั้น เป็นต้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเคยทำกรรมชั่วไว้ในอดีตชาติ
  • ประณีต หมายถึง ผู้ที่เกิดมามีฐานะสูงส่ง ร่ำรวย มีโอกาสที่ดีในชีวิต มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม สติปัญญาเฉียบแหลม สุขภาพแข็งแรง อายุยืน เป็นต้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเคยทำกรรมดีไว้ในอดีตชาติ

ความหมายโดยรวม

กรรมที่สัตว์โลกกระทำไว้ในอดีต (ทั้งในชาตินี้และชาติที่ผ่านมา) เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกันไป บางคนอาจมีชีวิตที่ดีงาม ประสบความสุข (ประณีต) ในขณะที่บางคนอาจประสบกับความทุกข์ยาก (ทราม) ความแตกต่างนี้เกิดจากผลของกรรมที่แต่ละคนได้กระทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว

ตัวอย่าง

  • คนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีน้ำใจ ย่อมได้รับความรัก ความเมตตา จากคนรอบข้าง มีชีวิตที่ราบรื่น มีความสุข
  • คนที่ชอบโกหก หลอกลวง เบียดเบียนผู้อื่น ย่อมเป็นที่รังเกียจของคนทั่วไป มีชีวิตที่ยากลำบาก เดือดร้อน

ข้อคิด

พุทธศาสนสุภาษิตนี้ไม่ได้ส่งเสริมให้คนเกิดความเหลื่อมล้ำ หรือดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น แต่ต้องการให้เราเข้าใจกฎแห่งกรรม และใช้ชีวิตอย่างมีสติ รู้จักรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง

สรุป

พุทธศาสนสุภาษิตนี้สอนให้เราตระหนักว่า ชีวิตของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน เป็นผลมาจากการกระทำของตนเอง ดังนั้น เราควรหมั่นทำความดี ละเว้นความชั่ว เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่ดี มีความสุข ความเจริญ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า


เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....