
พุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “ทำกรรมใดแล้วร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำแล้วนั้นไม่ดี” มาจากพระบาลีบทว่า “น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ.” (สํ. ส. ๑๕/๘๑. ขุ. ธ. ๒๕/๒๓.) มีความหมายว่า:
การกระทำใด ๆ ที่เมื่อทำลงไปแล้วส่งผลให้เกิดความไม่สบายใจ ความทุกข์ใจ หรือความเสียใจในภายหลัง การกระทำนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีหรือไม่ถูกต้อง
ตัวอย่างเช่น
- การโกหกเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ แม้จะได้สิ่งนั้นมาแล้ว แต่ก็อาจรู้สึกกังวลใจ กลัวความจริงถูกเปิดเผย
- การลักขโมย แม้จะไม่มีใครจับได้ แต่ก็อาจรู้สึกหวาดระแวง ไม่มีความสุข
- การพูดจาทำร้ายจิตใจผู้อื่น แม้จะสะใจในตอนแรก แต่ภายหลังอาจรู้สึกผิดที่ทำให้ผู้อื่นเสียใจ
พุทธศาสนสุภาษิตนี้สอนให้เรา:
- รู้จักพิจารณาผลของการกระทำ ก่อนที่จะลงมือทำสิ่งใด ควรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบว่าการกระทำนั้นจะส่งผลดีหรือผลเสียต่อตนเองและผู้อื่นอย่างไร
- ละเว้นการทำความชั่ว หากรู้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งไม่ดี ไม่ควรทำ ควรงดเว้น เพราะกรรมชั่วจะนำความทุกข์มาให้ในภายหลัง
- ทำความดี หมั่นสร้างกุศลกรรม เช่น การช่วยเหลือผู้อื่น การให้ทาน การรักษาศีล ซึ่งจะทำให้เรามีความสุขใจและพบเจอแต่สิ่งที่ดีงามในชีวิต
สรุป พุทธศาสนสุภาษิตนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้เราตั้งมั่นอยู่ในความดี มีสติในการดำเนินชีวิต และไม่ประพฤติผิดศีลธรรมอันดีงาม เพื่อที่จะได้ไม่ต้องร้อนใจภายหลัง