เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....

ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต "ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์เอง ดวงดาวจักทำอะไรได้."
ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิตประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์เอง ดวงดาวจักทำอะไรได้.”

ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต
“ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์เอง ดวงดาวจักทำอะไรได้.”

พุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์เอง ดวงดาวจักทำอะไรได้” หรือในภาษาบาลีคือ “อตฺโถ อตฺถสฺส นกฺขตฺตํ กึ กริสฺสนฺติ ตารกา” (ขุ. ชา. เอก. ๒๗/๑๖.) เป็นคำสอนที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการกระทำและความเพียรพยายาม มากกว่าการยึดติดกับฤกษ์ยามหรือโชคลาง ความหมายโดยละเอียดสามารถอธิบายได้ดังนี้

  • การกระทำสำคัญกว่าฤกษ์ยาม: สุภาษิตนี้สอนว่า ความสำเร็จและความก้าวหน้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับฤกษ์งามยามดี หรืออิทธิพลของดวงดาว แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำที่ถูกต้อง เหมาะสม และความเพียรพยายามของเราเอง “ประโยชน์” ในที่นี้หมายถึง การกระทำที่ดี ที่เป็นประโยชน์ และนำมาซึ่งผลดี
  • การพิจารณาเหตุปัจจัย: ในพุทธศาสนาสอนเรื่องกฎแห่งกรรม คือการกระทำและผลของการกระทำ ทุกสิ่งมีเหตุและผล การมัวแต่รอคอยฤกษ์ยาม โดยไม่พิจารณาเหตุปัจจัยอื่นๆ จึงเป็นความเข้าใจผิด และเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
  • การใช้ปัญญา: การใช้ปัญญาในการพิจารณาไตร่ตรองถึงสิ่งที่ควรทำ และลงมือทำอย่างเหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญกว่าการเชื่อในโชคลางหรือฤกษ์ยาม การใช้ปัญญาจะนำไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริง
  • การมีสติในปัจจุบัน: การมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ และทำในสิ่งที่ควรทำในปัจจุบันให้ดีที่สุด เป็นสิ่งที่สำคัญ การมัวแต่กังวลกับอนาคตหรือยึดติดกับอดีต จะทำให้พลาดโอกาสดีๆ ในปัจจุบัน

ความหมายโดยเปรียบเทียบ:

สุภาษิตนี้เปรียบเสมือนการบอกว่า ถ้าเราต้องการเก็บเกี่ยวผลไม้ เราก็ต้องปลูกต้นไม้ รดน้ำ พรวนดิน และดูแลรักษาต้นไม้ ไม่ใช่แค่มัวแต่รอวันที่ดวงดาวอยู่ในตำแหน่งที่ดี แล้วหวังว่าผลไม้จะงอกออกมาเอง การกระทำของเราต่างหากที่จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ ไม่ใช่โชคลางหรือฤกษ์ยาม

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน:

  • การเรียน: นักเรียนควรตั้งใจเรียน อ่านหนังสือ และทบทวนบทเรียนอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่มัวแต่รอฤกษ์ดีในการสอบ แล้วหวังว่าจะสอบได้คะแนนดี
  • การทำงาน: พนักงานควรตั้งใจทำงาน ทำงานให้ดีที่สุด และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ไม่ใช่มัวแต่รอฤกษ์ดีในการเลื่อนตำแหน่ง แล้วหวังว่าจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งโดยง่าย
  • การทำธุรกิจ: ผู้ประกอบการควรวางแผนธุรกิจอย่างรอบคอบ บริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ไม่ใช่มัวแต่รอฤกษ์ดีในการเปิดร้าน แล้วหวังว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จโดยอัตโนมัติ

สรุป: สุภาษิตนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้เราให้ความสำคัญกับการกระทำและความเพียรพยายาม มากกว่าการยึดติดกับโชคลางหรือฤกษ์ยาม ให้ใช้ปัญญาในการพิจารณาเหตุปัจจัย และลงมือทำในสิ่งที่ควรทำในปัจจุบัน เพื่อความสำเร็จและความก้าวหน้าในชีวิต

นอกจากนี้ ยังมีพุทธภาษิตอื่นๆ ที่มีความหมายใกล้เคียงกัน เช่น

  • อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ: ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
  • กมฺมุนา วตฺตตี โลโก: โลกย่อมเป็นไปตามกรรม (การกระทำ)

การศึกษาและทำความเข้าใจในหลักธรรมเหล่านี้ จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างมีสติและมีความสุขมากยิ่งขึ้น


เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....