เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....

พึงเป็นผู้ฉลาดในกระบวนจิตของตน
พึงเป็นผู้ฉลาดในกระบวนจิตของตน

ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต
“พึงเป็นผู้ฉลาดในกระบวนจิตของตน”

พุทธศาสนสุภาษิต “พึงเป็นผู้ฉลาดในกระบวนจิตของตน” มาจากพระบาลีบทว่า สจิตฺตปริยายกุสลา ภเวยฺยุํ. (นัย-องฺ. ทสก. ๒๔/๑๐๐.) เป็นคำสอนที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรู้จักและเข้าใจจิตใจของตนเองอย่างถ่องแท้ เพื่อที่จะสามารถควบคุมและพัฒนาจิตใจไปในทางที่ดีงามได้ แม้จะไม่มีบาลีบทที่ตรงกับวลีนี้โดยตรง แต่เนื้อหาและใจความสอดคล้องกับหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเจริญสติ การพิจารณาธรรม และการฝึกฝนอบรมจิตใจ

ความหมายโดยละเอียด

  • ส (ส): ในที่นี้เป็นเพียงบทตั้งต้นของคำ ไม่มีความหมายโดยตรง แต่ทำหน้าที่เชื่อมคำ
  • จิตฺต (จิตฺต): จิตใจ ความคิด สภาพรู้
  • ปริยาย (ปริยาย): วิธีการ กระบวนการ ลักษณะ อาการ ความเป็นไป
  • กุสลา (กุสลา): ฉลาด เชี่ยวชาญ ชำนาญ มีปัญญา
  • ภเวยฺยุํ (ภเวยฺยุํ): พึงเป็น ควรเป็น (เป็นกิริยาในวิธิตลิงค์ บุรุษที่ 3 พหูพจน์ หมายถึง พวกเขาพึงเป็น)

เมื่อรวมกันแล้ว สจิตฺตปริยายกุสลา ภเวยฺยุํ จึงแปลว่า พวกเขาพึงเป็นผู้ฉลาดในกระบวนการ (ความเป็นไป) ของจิตตน หรือ พวกเขาควรเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิธีการ (ทำงาน) ของจิตตน

ความหมายและนัยยะสำคัญ:

สุภาษิตนี้เน้นย้ำความสำคัญของการศึกษาและทำความเข้าใจกลไกการทำงานของจิตใจตนเองอย่างถ่องแท้ การที่ “พึงเป็นผู้ฉลาดในกระบวนจิตของตน” หมายความว่า:

  • รู้จักธรรมชาติของจิต: เข้าใจว่าจิตมีความแปรปรวน เปลี่ยนแปลงง่าย ถูกกระทบด้วยสิ่งเร้าต่างๆ และมีกิเลสเป็นธรรมชาติ
  • รู้เท่าทันความคิดและอารมณ์: สามารถสังเกตและรับรู้ความคิด อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นในจิตใจได้อย่างชัดเจน
  • เข้าใจกลไกการเกิดกิเลส: รู้ว่ากิเลส เช่น โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีผลกระทบต่อจิตใจอย่างไร
  • ควบคุมและพัฒนาจิตใจ: เมื่อเข้าใจกระบวนจิตของตนเองแล้ว ก็จะสามารถควบคุมความคิด อารมณ์ และกิเลสต่างๆ ได้ และพัฒนาจิตใจไปในทางที่ดีงาม

ความสอดคล้องกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา:

สุภาษิตนี้สอดคล้องกับหลักธรรมสำคัญในพระพุทธศาสนาหลายประการ เช่น:

  • สติปัฏฐาน 4: การเจริญสติปัฏฐานเป็นการฝึกการสังเกตและรับรู้กาย เวทนา จิต และธรรม ซึ่งเป็นการศึกษาและทำความเข้าใจกระบวนจิตของตนเองโดยตรง
  • วิปัสสนาญาณ: การเจริญวิปัสสนาเป็นการพิจารณาไตร่ตรองถึงความจริงของสิ่งต่างๆ เช่น ความไม่เที่ยง ความทุกข์ และความไม่มีตัวตน ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจธรรมชาติของจิตใจอย่างลึกซึ้ง
  • การละกิเลส: การที่เข้าใจกระบวนจิตของตนเองจะช่วยให้รู้เท่าทันกิเลสและสามารถละกิเลสเหล่านั้นได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการปฏิบัติธรรม

ประโยชน์ของการฉลาดในกระบวนจิตของตน:

  • ลดความทุกข์: เมื่อเข้าใจและควบคุมจิตใจได้ ก็จะลดความทุกข์ที่เกิดจากกิเลสและอารมณ์ต่างๆ
  • เพิ่มความสุข: จิตใจที่สงบและมีสติจะนำมาซึ่งความสุขที่แท้จริง
  • พัฒนาตนเอง: การเข้าใจกระบวนจิตของตนเองเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาตนเองในทุกด้าน
  • ดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญา: การมีปัญญาในการเข้าใจจิตใจตนเองจะช่วยให้ดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

ดังนั้น การที่ “พึงเป็นผู้ฉลาดในกระบวนจิตของตน” หรือ “สจิตฺตปริยายกุสลา ภเวยฺยุํ” จึงเป็นคำสอนที่สำคัญอย่างยิ่งที่เตือนใจให้เราศึกษาและทำความเข้าใจจิตใจตนเอง เพื่อที่จะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข สงบ และมีปัญญา


เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....