
พระอุบาลี เป็นบุตรช่างกัลบก (ช่างตัดผม) ในกรุงกบิลพัสดุ์ได้เป็นที่เลื่อมใส เจริญพระหฤทัยแห่งเจ้าในศากยวงศ์ ๕ พระองค์ คือ ภัททิยราชา อนุรุทธะ อานันทะ ภัคคุกิมพิละ ก็ได้รับตeแหน่งเป็นนายภูษามาลาแห่งเจ้าศากยวงศ์เหล่านั้น
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์ตามคำทูลอาราธนาของพระกาฬุทายีเถระ เหล่าขัตติยกุมารในแต่ละสาขาของศากยวงศ์ออกบรรพชาจึงออกจากกรุงกบิลพัสดุ์โดยกระบวนพยุหยาตราเหมือนเสด็จประพาสอุทยาน อุบาลีภูษามาลาตามเสด็จในฐานะมหาดเล็กคนสนิท
ครั้นถึงพรมแดนอื่นเจ้าชายทั้งหมดสั่งให้กระบวนตามเสด็จกลับ ทรงดำเนินไปตามลำพัง ๖ พระองค์พร้อมด้วยอุบาลีเมื่อเห็นว่าไปไกลแล้ว ทั้ง ๖ จึงส่งอุบาลีภูษามาลากลับ และทรงเปลื้องเครื่องประดับออกเอาภูษาห่อมอบให้อุบาลีเพื่อใช้เป็นทรัพย์เลี้ยงชีพ
อุบาลีภูษามาลาเดินทางกลับพร้อมห่อเครื่องประดับที่ได้รับ เมื่อเดินมาสักระยะหนึ่ง ฉุกคิดว่า ถ้ากลับไปเจ้าศากยะในกรุงกบิลพัสดุ์จะคิดว่าเราลวงเจ้าชายมาประหารชิงเอาเครื่องประดับตกแต่ง อนึ่ง ศากยะ ทั้ง ๖ ยังทรงผนวชได้ ทำไมเราจึงจะบวชบ้างไม่ได้ จึงแก้ห่อผ้าเครื่องประดับแขวนไว้บนต้นไม้พูดว่า ของนี้เราสละ ใครเห็นก็จงนำไป แล้วเดินกลับไปเฝ้า เหล่าศากยกุมารทอดพระเนตรเห็นอุบาลีเดินกลับมาจึงรับสั่งถาม อุบาลีก็เล่าเรื่องราวให้ทราบ เหล่าขัตติยกุมารจึงพาอุบาลีเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลขอบวช ทรงขอให้พระพุทธองค์บวชให้นายอุบาลีก่อน เพื่อต้องการลดมานะความถือตัวของตนเองที่เป็นกษัตริย์ เมื่อบวชหลังอุบาลีต้องทำความเคารพผู้ที่บวชก่อน แม้ผู้นั้นเคยเป็นมหาดเล็กรับใช้มาก็ตาม พระพุทธเจ้าโปรดให้อุบาลีได้บวชก่อนด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา จากนั้นทรงให้ศากยกุมารผนวช
พระอุบาลีนั้น ครั้นบวชแล้ว เรียนกรรมฐานในสำนักพระพุทธเจ้าทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ขอพระองค์จงทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์อยู่ป่า พระพุทธองค์ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เมื่ออยู่ป่า ธุระอย่างเดียวเท่านั้นจะเจริญงอกงาม แต่เมื่ออยู่ในสำนักของเรา ทั้งวิปัสสนาธุระ และคันถธุระจะบริบูรณ์ พระอุบาลีนั้นรับพระดำรัสของพระพุทธเจ้าแล้ว กระทำวิปัสสนากรรมฐานไม่นานก็ได้บรรลุพระอรหันต์
ท่านพระอุบาลีเถระเรียนพระวินัยปิฎกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าโดยตรง จึงมีความชำนาญพระวินัย ได้วินิจฉัยเรื่องภารุกัจฉะ เรื่องอัชชุกะ และเรื่องกุมารกัสสปะ ถูกต้องตามพระวินัย เป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าประทานสาธุการ และทรงถือเรื่องนั้นเป็นอัตถุปปัตติเหตุ (ต้นเรื่อง) ได้ทรงแต่งตั้งท่านไว้ในตำแหน่ง เอตทัคคะว่าเป็นยอดเยี่ยมกว่าภิกษุ ทั้งหลายด้านวินัยธร (ผู้ทรงพระวินัย)
ในคัมภีร์อรรถกถามีประวัติของท่านว่าในอดีตท่านเกิดเป็นพราหมณ์ชื่อสุชาต ในนครหังสวดี สะสมทรัพย์ไว้ ๘๐ โกฏิ มีความรู้อย่างยิ่ง มหาชนต่างนับถือ แต่ท่านเองไม่นับถือผู้ใดด้วย สมัยนั้นยังไม่มีพระพุทธเจ้า เวลานั้น ท่านมีมานะกระด้างไม่เห็นผู้ที่ควรบูชา ต่อมา เมื่อพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก เสด็จเข้ามายังนครหังสวดี เพื่อแสดงธรรมโปรดพุทธบิดา มหาชนหลั่งไหลมาฟังธรรมเป็นบริเวณประมาณ ๑ โยชน์
ดาบสชื่อสุนันทะได้สร้างปะราดอกไม้ขึ้นบังแสงแดด เพื่อมหาชนตลอดทั้งพุทธบริษัท เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประกาศอริยสัจ ๔ บริษัทแสนโกฏิได้บรรลุธรรม พระพุทธองค์ทรงแสดง ธรรมตลอด ๗ วัน ๗ คืน วันที่ ๘ ทรงพยากรณ์สุนันทดาบสว่า ในแสนกัปนับจากนี้ไปจะมีพระศาสดาเสด็จอุบัติขึ้นในโลก สมภพในราชตระกูลพระเจ้าโอกกากราช พระนามว่าโคดม
ดาบสนี้จะเกิดเป็นพุทธสาวกนามว่าอุบาลีและจะได้เป็นเอตทัคคะยิ่งกว่าสาวกอื่น ท่านฟังพระดำรัสของพระพุทธองค์ปรารถนาได้ตำแหน่งผู้เป็นเลิศในพระวินัย ท่านจึงซื้อสวนชื่อโสภณะ ด้านหน้าพระนครด้วยทรัพย์แสนหนึ่ง สร้างวัดถวายพระพุทธเจ้า ท่านสร้างเรือนยอดปราสาท มณฑป ถ้ำคูหา และที่จงกรม สร้างเรือนอบกาย โรงไฟ โรงเก็บ น้ำและห้องอาบน้ำถวายพระภิกษุสงฆ์ ถวายปัจจัย คือ ตั่ง เตียง ภาชนะเครื่องใช้สอยและยา ประจำวัดทุกอย่าง ให้สร้างกำแพงอย่างมั่นคงสร้างที่อยู่อาศัยให้ท่านผู้มีจิตสงบ ผู้คงที่ ไว้ในสังฆาราม ด้วยทรัพย์จำนวนแสนหนึ่ง รวมเป็นสองแสน

เมื่อสร้างเรียบร้อย นิมนต์พระพุทธเจ้า ให้เสด็จมาเพื่อถวายพระอาราม เมื่อถึงเวลาพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระขีณาสพหนึ่งพัน เสด็จเข้าไปสู่อารามท่านถวายภัตตาหารได้ทูลถวายอารามพระพุทธเจ้า ครั้นทรงรับสังฆาราม ทรงอนุโมทนาและทรงพยากรณ์พราหมณ์
ในกัปที่สองหลังภัทรกัปนี้ไปท่านเกิดเป็นโอรสของพระเจ้าอัญชสะผู้มีพระเดชานุภาพ ยิ่งใหญ่ พระนามว่าจันทนะ เจ้าชายเป็นคนกระด้างแข็งกร้าว ถือตัว มัวเมาในชาติตระกูล ยศ และโภคะ วันหนึ่งเสด็จประพาสอุทยานนอกพระนคร ทรงช้างชื่อว่าสิริกะ แวดล้อมด้วยกองทัพไพร่พลและบริวาร ในระหว่างทางที่จะไปนั้น
ท่านพบพระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่า เทวละทรงดำเนินผ่านหน้าช้างไป ท่านไล่ช้างล่วงเกินพระปัจเจกพุทธเจ้า ด้วยพระบารมีของพระปัจเจกพุทธเจ้า ช้างพระที่นั่งกลับแสดงอาการโกรธและไม่ยอมย่างเท้า ยืนหยุดนิ่ง เมื่อเห็นช้างไม่พอใจ พาลโกรธเบียดเบียนพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วไปยังพระอุทยาน ไม่พบความสำราญ ณ ที่นั้น เหมือนคนถูกไฟไหม้ศีรษะ ถูกความกระวนกระวายแผดเผา เหมือนปลาติดเบ็ด พื้นแผ่นดินเสมือนไฟลุกไปทั่ว เมื่อภัยเกิดขึ้นอย่างนี้ท่านจึงเข้าไปเฝ้าพระราชบิดา เล่าเรื่องให้ฟัง
พระเจ้าอัญชสะได้ฟังทรงตกพระทัยตรัสว่า เพราะไม่เคารพต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า พวกเราจะพินาศกันทั้งหมด จะให้พระปัจเจกพุทธมุนีอดโทษ ภายใน ๗ วัน แว่นแคว้นของเราจะพินาศหมด ท่านจึงเข้าไปเฝ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าขอขมา พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ยกโทษให้ด้วยผลกรรมนี้ ท่านต้องเกิดมาในตระกูลต่ำในปัจจุบันชาติ
เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ๓ เดือน พระอุบาลีได้รับสมมติจากสงฆ์ มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน ให้เป็นผู้วิสัชนาพระวินัยปิฎก ในครั้งทำปฐมสังคายนา ท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่พอสมควรแก่กาลเวลาแล้ว ก็ดับขันธนิพพาน