
พุทธศาสนสุภาษิต “กมฺมุนา วตฺตตี โลโก” แปลเป็นไทยว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”
จำกัดความได้ ดังนี้
สัตว์โลก
- ความหมายกว้าง: หมายถึง สิ่งมีชีวิตทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ สัตว์ เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย เทวดา พรหม ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏ
- ความหมายแคบ: เน้นเฉพาะ สัตว์ที่มีวิญญาณ คือ มีจิตใจเป็นใหญ่ สามารถรับรู้ คิด ตัดสินใจ และทำกรรมได้ ซึ่งหมายรวมถึง มนุษย์ เทวดา พรหม และบางส่วนของสัตว์เดรัจฉาน
- ลักษณะสำคัญของสัตว์โลก:
- มีกรรมเป็นของตนเอง: สัตว์โลกแต่ละตัว ล้วนมีกรรมเป็นของตนเอง ที่เกิดจากการกระทำ ทั้งทางกาย วาจา และใจ
- เป็นไปตามกรรม: ชีวิต ความเป็นอยู่ สุข ทุกข์ ของสัตว์โลก ล้วนเป็นไปตามกรรมที่ตนเองได้กระทำไว้
- เวียนว่ายตายเกิด: สัตว์โลกยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่างๆ ตราบใดที่ยังไม่หมดกิเลส
- รวมความแล้ว หมายถึงสัตว์ทั้งหมดทั้งมวล
กรรม
- ความหมาย: กรรม หมายถึง การกระทำ ทั้งทางกาย วาจา และใจ ที่เกิดจากเจตนา
- ประเภทของกรรม:
- กายกรรม: การกระทำทางกาย เช่น การเดิน การวิ่ง การหยิบจับ
- วจีกรรม: การกระทำทางวาจา เช่น การพูด การเขียน การร้องเพลง
- มโนกรรม: การกระทำทางใจ เช่น การคิด การปรุงแต่ง การนึกคิด
- ผลของกรรม: กรรมที่ประกอบด้วยเจตนา จะส่งผลให้เกิดวิบากกรรม คือ ผลของการกระทำนั้นๆ ซึ่งอาจเป็นความสุขหรือความทุกข์ก็ได้
- หลักกรรม:
- กรรมดี (กุศลกรรม): กรรมที่เกิดจากเจตนาดี นำความสุขความเจริญมาให้
- กรรมชั่ว (อกุศลกรรม): กรรมที่เกิดจากเจตนาร้าย นำความทุกข์เดือดร้อนมาให้
- กรรมเป็นของเฉพาะตน: ใครทำกรรมใดไว้ ผู้นั้นย่อมได้รับผลของกรรมนั้น
ย่อมเป็นไปตามกรรม
หมายความว่า สัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามผลการกระทำของตนเอง ไม่มีใครลิขิต ไม่มีใครบันดลบันดาล ไม่มีพระเจ้าชำระล้างกรรมได้
สรุป “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” ดังนี้
1. กรรมกำหนดชีวิต
- สัตว์โลกทั้งหลาย รวมทั้งมนุษย์ ล้วนอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม
- ชีวิตของแต่ละคนเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับกรรมที่ตนเองได้กระทำไว้ในอดีต ทั้งในชาติปัจจุบันและชาติก่อน ๆ
- กรรมดี นำมาซึ่งความสุข ความเจริญ
- กรรมชั่ว นำมาซึ่งความทุกข์ ความเดือดร้อน
2. เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตนเอง
- มนุษย์ทุกคนมีอิสระในการเลือกที่จะทำกรรมดีหรือกรรมชั่ว
- เราเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตนเอง โดยการกระทำของเราเอง
- หากต้องการมีชีวิตที่ดี มีสุข ก็ต้องหมั่นสร้างกรรมดี ละเว้นกรรมชั่ว
3. กรรมติดตามไปทุกภพทุกชาติ
- กรรมที่ทำไว้ ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว ย่อมติดตามตัวเราไปทุกภพทุกชาติ ไม่มีวันสูญหาย
- ดังนั้น เราจึงควรระมัดระวังในการกระทำ ทั้งทางกาย วาจา ใจ เพราะกรรมย่อมส่งผลถึงตัวเราอย่างแน่นอน
4. ไม่มีใครหลีกหนีกฎแห่งกรรมได้
- ไม่ว่าจะเป็นใคร รวยหรือจน สูงหรือต่ำ ย่อมหนีไม่พ้นผลของกรรม
- พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ก็ยังต้องรับผลของกรรมที่เคยทำไว้ในอดีต แม้จะบรรลุธรรมแล้วก็ตาม
5. เป็นหลักแห่งความยุติธรรม
- กฎแห่งกรรมเป็นกฎที่ยุติธรรมที่สุด
- ใครทำกรรมใดไว้ ย่อมได้รับผลของกรรมนั้น ไม่มีการลำเอียง
พุทธศาสนสุภาษิต “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” สอนให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการกระทำ และรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง เพราะกรรมย่อมส่งผลต่อชีวิตของเราอย่างแน่นอน ดังนั้น เราควรหมั่นสร้างกรรมดี ละเว้นกรรมชั่ว เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่ดี มีสุข ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ตัวอย่าง “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” พร้อมคติธรรม
1. เรื่องเล่าชาวบ้าน : ชายขี้เหนียว
มีชายคนหนึ่งเป็นคนขี้เหนียวมาก แม้แต่เศษอาหารก็ไม่เคยแบ่งให้ใคร วันหนึ่งมีขอทานมาขอข้าว เขากลับไล่ตะเพิด ต่อมาไม่นาน ชายคนนั้นก็ล้มป่วยลง ไม่มีใครอยากช่วยเหลือ สุดท้ายต้องตายอย่างโดดเดี่ยว
คติธรรม: ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว การให้ทานเป็นบุญ การตระหนี่เป็นบาป
2. นิทานอีสป : กระต่ายกับเต่า
กระต่ายชอบดูถูกเต่าว่าเดินช้า วันหนึ่งเต่าท้าแข่งวิ่ง กระต่ายมั่นใจในความเร็วของตัวเอง จึงนอนหลับระหว่างทาง ส่วนเต่าค่อยๆ เดินอย่างไม่ย่อท้อ สุดท้ายเต่าจึงเป็นผู้ชนะ
คติธรรม: ความประมาทเป็นหนทางแห่งความเสื่อม ความเพียรพยายามนำมาซึ่งความสำเร็จ
3. เหตุการณ์จริง : นักธุรกิจผู้ซื่อสัตย์
มีนักธุรกิจท่านหนึ่ง ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต แม้จะต้องเสียผลประโยชน์บ้าง แต่ในระยะยาว เขากลับได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ธุรกิจจึงเจริญรุ่งเรือง
คติธรรม: ความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานของความเจริญ
4. พระพุทธประวัติ : พระเทวทัต
พระเทวทัตอิจฉาพระพุทธเจ้า คิดปองร้ายหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องได้รับผลกรรม ตกนรกอเวจี
คติธรรม: จงละความอิจฉาริษยา เพราะเป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะ
หมายเหตุ: ตัวอย่างเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า กรรมดีนำมาซึ่งผลดี กรรมชั่วนำมาซึ่งผลชั่ว ดังนั้น เราควรหมั่นสร้างกรรมดี ละเว้นกรรมชั่ว เพื่อชีวิตที่ดีงามและมีความสุข