
ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต
“พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้”
พุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้” มาจากพระบาลีบทว่า ชิเน กทริยํ ทาเนน (ขุ. ธ. ๒๕/๔๕. ขุ. ชา. ทุก. ๒๗/๕๐.) เป็นคำสอนที่ลึกซึ้งในพระพุทธศาสนา แสดงถึงวิธีการเอาชนะกิเลสในใจคนอื่นด้วยการกระทำที่ดีของเรา ปรากฏอยู่ในขุททกนิกายมีความหมายดังนี้
ความหมายโดยตรง:
หมายถึง การเอาชนะหรือเปลี่ยนแปลงคนที่มีความตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ยอมให้ปันสิ่งของแก่ผู้อื่น ด้วยการที่เราเป็นผู้ให้ เป็นผู้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แบ่งปันสิ่งของแก่ผู้อื่น
ความหมายเชิงเปรียบเทียบ:
- ความมืดดับได้ด้วยแสงสว่าง: เช่นเดียวกับความตระหนี่ที่สามารถเอาชนะได้ด้วยการให้ การให้เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ขจัดความมืดมิดของความตระหนี่
- การเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ดีในดินที่ไม่ดี: การให้ของเรา เปรียบเสมือนการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในใจของคนตระหนี่ ซึ่งอาจจะงอกงามขึ้นได้ในอนาคต
คำอธิบายโดยละเอียด:
- “พึงชนะคนตระหนี่” หมายถึง การรับมือหรือปฏิสัมพันธ์กับบุคคลที่มีความตระหนี่ หวงแหนทรัพย์สมบัติ ไม่ต้องการแบ่งปันให้ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ เงินทอง หรือแม้แต่ความรู้
- “ด้วยการให้” หมายถึง การตอบโต้หรือรับมือกับความตระหนี่นั้น ด้วยการกระทำที่ตรงกันข้าม คือ การให้ การแบ่งปัน การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การบริจาคทาน หรือการช่วยเหลือผู้อื่น
วิธีการปฏิบัติ:
- มีเมตตาและกรุณา: มองคนตระหนี่ด้วยความเข้าใจ เห็นใจว่าเขาอาจจะกำลังทุกข์เพราะความยึดติดในทรัพย์สมบัติ
- ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน: การให้ของเรา ควรเป็นการให้ด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ จากผู้รับ
- ให้ในสิ่งที่เหมาะสม: พิจารณาให้ในสิ่งที่เหมาะสมกับผู้รับ และเหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น ให้ทานแก่ผู้ยากไร้ ให้ความรู้แก่ผู้ที่ต้องการศึกษา ให้กำลังใจแก่ผู้ที่ท้อแท้
- ทำตนเป็นแบบอย่าง: การกระทำของเราจะเป็นแบบอย่างให้คนตระหนี่ได้เห็นถึงคุณค่าของการให้ และอาจจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเขาได้ในที่สุด
- ไม่ตำหนิหรือตัดสิน: ไม่ควรตำหนิหรือตัดสินคนตระหนี่ เพราะจะยิ่งทำให้เขามีทิฐิและยึดติดมากขึ้น
ประโยชน์ของการชนะคนตระหนี่ด้วยการให้:
- เปลี่ยนแปลงผู้อื่น: การกระทำที่ดีของเรา อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนตระหนี่เห็นถึงคุณค่าของการให้ และเปลี่ยนแปลงตนเอง
- ลดความเห็นแก่ตัวในสังคม: การให้จะช่วยลดความเห็นแก่ตัว และส่งเสริมให้สังคมมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากขึ้น
- ความสุขใจของผู้ให้: การให้จะนำมาซึ่งความสุขใจ และความอิ่มเอมใจแก่ผู้ให้
ตัวอย่างในชีวิตประจำวัน:
- เมื่อเพื่อนร่วมงานไม่ยอมแบ่งปันความรู้หรือข้อมูลในการทำงาน แทนที่เราจะโกรธหรือเก็บงำความรู้ของเราไว้ เราควรแบ่งปันความรู้ของเราให้เขาอย่างเต็มใจ
- เมื่อเห็นคนยากไร้ แทนที่จะมองผ่านไป เราอาจจะแบ่งปันอาหารหรือเงินเล็กน้อยให้เขา
ดังนั้น พุทธศาสนสุภาษิตนี้สอนให้เราใช้การให้เป็นเครื่องมือในการเอาชนะความตระหนี่ ทั้งในใจของผู้อื่นและในใจของเราเอง เพื่อสร้างสังคมที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และนำมาซึ่งความสุขที่แท้จริง