
ศีลข้อไหนมีโทษมากที่สุด
มีคำถามมาว่า “ศีลข้อไหนมีโทษมากที่สุด” คำตอบของคำถามนี้อาจจะต้องชี้แจงเป็นข้อ ๆ ไป คำว่า ตั้งแต่คำว่า โทษ คืออะไร โทษในปัจจุบันหรือโทษในภายภาคหน้ารวมถึงในชาติหน้าชาติต่อไป
“ศีลข้อไหนมีโทษมากที่สุด” ผมไม่ขอตอบ หรือถ้าตอบก็ขอตอบว่า ผมไม่รู้ เพราะผมไม่ได้ตัดสินบุญบาปใคร แต่เบื้องต้น ผมเชื่อว่า (ย้ำว่าเชื่อ อาจจะผิดก็ได้) ผมเรียงตามลำดับศีล คือ 1 2 3 4 5 คือความสำคัญน่าจะเรียงตามลำดับ
ยกตัวอย่างศีลข้อที่ 1 เว้นจากการฆ่า พระพุทธเจ้าให้ความสำคัญกับชีวิตเป็นอันดับหนึ่ง ทรัพย์สินเงินทองยังเป็นรอง ไม่ตายยังหาใหม่ได้ การฆ่าจึงถือว่ามีโทษมาก ยิ่งกับพระอรหันต์ มารดาบิดา ถือว่าเป็นอนันตริยกรรม เป็นกรรมที่หนักที่สุด ศีลข้ออื่น ๆ ไม่มีข้อไหนจัดเข้าในอนันตริยกรรม
ความจริง ศีลทุกข้อมีความสัมพันธ์กัน ล่วงละเมิดข้อใดข้อหนึ่งแล้วอาจจะเป็นเหตุให้ล่วงเมิดข้ออื่นได้ เช่น การโกหก ถ้าโกหกเพื่อให้ได้ทรัพย์คนอื่น ก็ถือว่าเป็นการทรัพย์มาโดยไม่ชอบทำเป็นการล่วงเมิดศีลข้อที่ 2 ว่าด้วยการลักทรัพย์ หรือพูดโกหกเพื่อให้ทำลายชีวิตตนเองหรือผู้อื่น ก็เป็นการละเมิดศีลข้อที่ 1 ว่าด้วยการฆ่า ถ้าโกหกเพื่อประสงค์ร่วมประเวณีกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตนก็เป็นละเมิดศีลข้อที่ 3 จากการข้อ 3 ก็อาจจะนำไปสู่การสังสรรค์ดื่มเครื่องมึนเมาได้
เรื่องโทษของการละเมิดศีล 5 นั้น มีรวบรวมไว้ ผมขออนุญาตคัดลอกนำมาแสดง ณ นี้

โทษของการละเมิดศีล ๕
ละเมิดศีลข้อแรกคือ การทำลายชีวิต หากทำลายชีวิตบุพพการีถือว่าเป็นอนันตริยกรรมคือกรรมหนัก กฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าประหารชีวิตสถานเดียว การฆ่า การทำลายชีวิตซึ่งเป็นการละเมิดศีลข้อ ๑ ผิดทั้งกฎหมายของบ้านเมือง และผิดศีล ผิดหลักพระพุทธศาสนาด้วย
โทษขอการละเมิดศีลข้อที่ ๑
คือการทำลายชีวิตนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย ปาณาติบาต (การทำลายชีวิต) ที่บุคคลทำจนคุ้น ทำจนเคยตัวทำอยู่เรื่อย ๆ ไป ย่อมเป็นเหตุให้เกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในกำเนิดเปรตวิสัย
วิบากคือเศษกรรม (ผลกรรมที่เหลือ) ของการทำลายชีวิตอย่างเบาที่สุด ย่อมชักให้ผู้ทำซึ่งเป็นมนุษย์ กลายเป็นคนอายุสั้น (พลันตาย)
โทษของการละเมิดศีลข้อที่ ๒
คือ อทินนาทาน ได้แก่ลักทรัพย์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย อทินนาทาน (การลักทรัพย์) ที่บุคคลทำจนคุ้น ทำจนเคยตัวทำอยู่เรื่อยไป ย่อมเป็นเหตุให้เกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย
วิบากหรือเศษกรรม เศษของโทษ ที่ละเมิดศีลข้อ ๒ คือลักทรัพย์ (อทินนาทาน) อย่างเบาที่สุด ย่อมชักให้ผู้ทำ ซึ่งเป็นมนุษย์กลาย เป็นคนมีทรัพย์วินาศย่อยยับ (เช่น ถูกไฟ ไหม้หรือโจรผู้ร้ายปล้น เป็นต้น)
โทษของการละเมิดศีลข้อที่ ๓
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า กาเมสุมิจฉาจาร (การทำชู้) ที่บุคคลทำจนคุ้น ฯลฯ ย่อมเป็นเหตุให้เกิดในนรก ฯลฯ
วิบากของกาเมสุมิจฉาจาร (การทำชู้) อย่างเบาที่สุด ย่อมชักให้ผู้ทำ ซึ่งเป็นมนุษย์กลายเป็นคนถูกจองเวร
โทษของการละเมิดศีลข้อที่ ๔
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า มุสาวาท (พูดปดหลอกลวง) ที่บุคคลทำจนคุ้น ฯลฯ ย่อมเป็นเหตุให้เกิดในนรก ฯลฯ
วิบากคือเศษกรรม ของการพูดปดหลอกลวง อย่างเบาที่สุด ย่อมชักให้ผู้ทำ ซึ่งเป็นมนุษย์กลายเป็นคนถูกกล่าวตู่ด้วยความเท็จ
โทษขอการละเมิดศีลข้อที่ ๕
คือ สุราเมรัย นั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย การดื่มสุราเมรัย ที่บุคคลทำจนคุ้น ฯลฯ ย่อมเป็นเหตุให้เกิดในนรก ฯลฯ
วิบากของการดื่มสุราเมรัย (เสพยาเสพย์ติด) อย่างเบาที่สุด ย่อมชักให้ผู้ทำ ซึ่งเป็นมนุษย์ กลายเป็นคนบ้า
สำหรับศีลข้อ ๕ การเสพยาเสพย์ติดทุกชนิด เช่น เฮโรอีน ฝิ่น กัญชา ยาม้า ยาบ้าน ยาอี โคเคน เป็นอาที ก็สงเคราะห์เข้าในศีลข้อนี้ ผู้ใดเสพ ก็ถือว่าเป็นการละเมิดศีลข้อ ๕ นี้ด้วยเช่นกัน
ปกติมนุษย์ก็เมาอยู่แล้วด้วยกิเลส คือ ราคะ โลภะ โทสะและโมหะ ยิ่งเติมสิ่งเสพย์ติดเข้าไปอีก จึงเมาและบ้ากำลัง ๒ (ยิ่งบ้ากันใหญ่) เที่ยวจับคนเป็นตัวประกันบ้าง โดดตึกตายบ้าง ฆ่าเมีย ฆ่าลูก ฆ่าตัวเองฆ่าพ่อฆ่าแม่ของตัวเองตายบ้าง
เมืองไทยคนไทยเดินอยู่ตามถนนเตียน ๆ แท้ ๆยังถูกจับไปเป็นตัวประกันและถูกทำร้ายจนเสียชีวิต
โทษของการละเมิดศีลข้อ ๕ ว่าด้วยการดื่มสุรา ที่เป็นข่าวอยู่ขณะนี้ ก็ได้แก่ อส.เมาปืนโหดกราดยิง 2 ศพ ผัว-เมียพาลูกฉลองวันเกิดถูกยิงดับ | ลุยชนข่าว | 23 ธ.ค. 67
เพราะฉะนั้น จงรีบเร่งรักษาศีล ๕ กันเถิดครับ เพื่อกำจัดปัญหาทางสังคมที่เกิดจากการที่มนุษย์ไม่รักษาศีล ๕ จึงเกิดโทษต่าง ๆ นานา มากหลายดังที่ปรากฏเป็นประจักษ์พยานให้เห็นอยู่
ผู้ละเมิดศีลข้อ ๕ ท่านกล่าวว่าวิบากกรรมที่เหลือย่อมทำให้เป็นบ้าเป็นคนเสียสติ

ในเวสสัตตรทีปนี ภาค ๒ ท่านพรรณนาให้เห็นคนบ้า ๘ จำพวก ดังนี้
. บ้าเพราะกาม
. บ้าเพราะโทสะ
. บ้าเพราะทิฎฐิ
. บ้าเพราะหลงใหล
. บ้านเพราะผีสิง (คือโลภ โกรธ หลง)
. บ้าเพราะดีเดือด
. บ้าเพราะเหล้า และ
. บ้าเพราะประสบเหตุร้าย
มีคำอธิบายขยายความดังนี้ครับ
. คนบ้ากาม ย่อมทำอะไรตามใจตกอยู่ในอำนาจแห่งความโลภ
. คนบ้าเพราะโทสะ ย่อมมุ่งร้ายตกอยู่ในอำนาจการเบียดเบียน
. คนบ้าเพราะทิฎฐิ จิตย่อมวิปลาส คือมีความเป็นคลาดเคลื่อน
. คนบ้าเพราะหลง ความคิดย่อม เลอะเลือน
. คนบ้าเพราะผีสิง ย่อมตกอยู่ในอำนาจผี (กิเลส)
. คนบ้าเพราะดีกำเริบ ย่อมแล้วแต่ดีจะกำเริบ
. คนบ้าเพราเหล้า ย่อมตกอยู่ในอำนาจการดื่ม
. คนบ้าเพราะประสบเหตุร้ายย่อมตกอยู่ในอำนาจของความเศร้าโศก
ที่มา : kanlayanatam.com