เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....

ความโกรธครอบงำนรชนเมื่อใด ความมืดมนย่อมมีเมื่อนั้น
ความโกรธครอบงำนรชนเมื่อใด ความมืดมนย่อมมีเมื่อนั้น

ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต “ความโกรธครอบงำนรชนเมื่อใด ความมืดมนย่อมมีเมื่อนั้น”

พุทธศาสนสุภาษิตความโกรธครอบงำนรชนเมื่อใด ความมืดมนย่อมมีเมื่อนั้น” มาจากพระบาลีบทว่า อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โกโธ สหเต นรํ. (องฺ. สตฺตก. ๒๓/๙๙. ขุ. มหา. ๒๙/๑๘.) เปรียบเทียบความโกรธกับความมืดที่บดบังแสงสว่าง สื่อความหมายถึงผลร้ายของความโกรธที่ทำให้จิตใจมืดบอด ขาดสติปัญญา และมองไม่เห็นหนทางที่ถูกต้อง สามารถอธิบายความหมายได้ดังนี้:

1. ความโกรธครอบงำ:
  • นรชน หมายถึง คน, มนุษย์ ดังนั้น “ความโกรธครอบงำนรชน” จึงหมายถึง ความโกรธเข้าควบคุมจิตใจของคน ทำให้คนตกอยู่ภายใต้อำนาจของความโกรธ
  • การถูกความโกรธครอบงำ เปรียบเสมือนการถูกปิดตา ทำให้มองไม่เห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง
2. ความมืดมนย่อมมี:
  • ความมืดมน ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความมืดทางกายภาพ แต่หมายถึงความมืดบอดทางปัญญา ความเขลา ความไม่รู้
  • เมื่อความโกรธเข้าครอบงำ จิตใจจะมืดมน ขาดสติสัมปชัญญะ ไม่สามารถคิด ตัดสินใจ หรือกระทำการใดๆ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

ความหมายโดยรวม:

เมื่อใดก็ตามที่ความโกรธเข้าครอบงำจิตใจของคน คนๆ นั้นก็จะตกอยู่ในความมืดมนทางปัญญา ขาดสติ ขาดความยั้งคิด ไม่สามารถมองเห็นเหตุผล มองไม่เห็นทางออกที่ถูกต้อง และอาจนำไปสู่การกระทำที่ผิดพลาด ก่อให้เกิดความเดือดร้อนทั้งต่อตนเองและผู้อื่น

การเปรียบเทียบกับความมืด:

  • ความมืดทำให้มองไม่เห็น: เช่นเดียวกับความมืดที่ทำให้เรามองไม่เห็นสิ่งต่างๆ ความโกรธก็ทำให้เรามองไม่เห็นความจริง มองไม่เห็นเหตุผล มองไม่เห็นผลเสียที่จะตามมา
  • ความมืดนำไปสู่ความกลัว: ความมืดมักมาพร้อมกับความกลัว ความโกรธก็เช่นกัน มักนำไปสู่ความหวาดระแวง ความวิตกกังวล และความกลัวในสิ่งต่างๆ
  • ความมืดคืออวิชชา: ในทางพุทธศาสนา ความมืดเปรียบเสมือนอวิชชา คือ ความไม่รู้ ความโกรธก็เช่นกัน ทำให้เราตกอยู่ในความไม่รู้ ไม่เข้าใจ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง

ความเชื่อมโยงกับหลักธรรมอื่นๆ:

  • โมหะ: ความหลง ความเขลา เป็นหนึ่งในกิเลส 3 (โลภะ โทสะ โมหะ) ที่ทำให้จิตใจมืดมน
  • สติ: การมีสติจะช่วยให้รู้เท่าทันอารมณ์โกรธ และป้องกันไม่ให้ความโกรธเข้าครอบงำ
  • ปัญญา: ปัญญาเปรียบเสมือนแสงสว่างที่ช่วยขจัดความมืดมน การพัฒนาปัญญาจะช่วยให้เราเข้าใจสาเหตุของความโกรธ และรู้วิธีจัดการกับความโกรธได้อย่างถูกต้อง

สรุป:

“ความโกรธครอบงำนรชนเมื่อใด ความมืดมนย่อมมีเมื่อนั้น” เป็นพุทธศาสนสุภาษิตที่เตือนสติให้เราระวังอันตรายของความโกรธ ที่ทำให้จิตใจมืดบอด ขาดสติปัญญา และนำไปสู่การกระทำที่ผิดพลาด เราจึงควรฝึกฝนตนเองให้มีสติ รู้เท่าทันอารมณ์ และพัฒนาปัญญา เพื่อป้องกันไม่ให้ความโกรธเข้าครอบงำ และดำเนินชีวิตอย่างมีแสงสว่างนำทาง


เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....