
ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต “ผู้บริโภคกาม ย่อมปรารถนากามยิ่งขึ้นไป”
พุทธศาสนสุภาษิต “ผู้บริโภคกาม ย่อมปรารถนากามยิ่งขึ้นไป” มาจากพระบาลีบทว่า ภิยฺโย จ กาเม อภิปตฺถยนฺติ (ม. ม. ๑๓/๔๑๑. ขุ. เถร. ๒๖/๓๗๗.) มีความหมายว่า บุคคลที่เสพหรือหมกมุ่นอยู่ในกามคุณ (สิ่งที่น่าปรารถนาน่าใคร่) ย่อมมีความต้องการในกามนั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
อธิบายขยายความได้ดังนี้:
- ผู้บริโภคกาม : หมายถึง ผู้ที่เสพกามคุณ หรือผู้ที่แสวงหาความสุขจาก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และอารมณ์ที่น่าพอใจ
- กาม : ในที่นี้หมายถึง กามคุณ 5 อันได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่น่าปรารถนาน่าใคร่ รวมไปถึงอารมณ์ที่น่าพอใจต่างๆ
- ย่อมปรารถนากามยิ่งขึ้นไป : หมายถึง มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้จักพอ
ความหมายโดยรวม:
พุทธศาสนสุภาษิตนี้ชี้ให้เห็นถึงธรรมชาติของกิเลสตัณหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกามตัณหา (ความอยากในกาม) ว่ายิ่งเสพก็ยิ่งติด ยิ่งบริโภคก็ยิ่งต้องการเพิ่มมากขึ้น เปรียบเสมือนไฟที่ยิ่งเติมเชื้อก็ยิ่งลุกโชน ไม่มีวันดับ
ทำไมผู้บริโภคกามจึงปรารถนากามยิ่งขึ้นไป?
- ความสุขจากกามเป็นสิ่งชั่วคราว: ความสุขที่เกิดจากการเสพกามนั้นเป็นเพียงความสุขชั่วคราว ไม่ยั่งยืน เมื่อความสุขนั้นหมดไป ก็ต้องดิ้นรนแสวงหามาเสพใหม่
- ความเคยชิน: ยิ่งเสพมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเกิดความเคยชิน ความสุขที่เคยได้รับก็เริ่มลดน้อยลง จึงต้องแสวงหาสิ่งที่เข้มข้นขึ้น รุนแรงขึ้น หรือมากขึ้นกว่าเดิม
- อำนาจของตัณหา: ตัณหาเป็นกิเลสที่มีพลังมาก เมื่อเกิดขึ้นแล้วมักจะครอบงำจิตใจ ทำให้บุคคลตกอยู่ใต้อำนาจของมัน และยากที่จะควบคุม
- การปรุงแต่งของจิต: จิตมักจะปรุงแต่งและขยายความสุขที่ได้รับจากกามเกินความเป็นจริง ทำให้เกิดความติดใจและอยากเสพซ้ำอีก
โทษของการบริโภคกามเกินพอดี:
- นำไปสู่ความทุกข์: การดิ้นรนแสวงหาความสุขจากกามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นำมาซึ่งความเหนื่อยล้า ความผิดหวัง และความทุกข์ใจ
- นำไปสู่การเบียดเบียน: เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนปรารถนา บุคคลอาจทำผิดศีลธรรม เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
- เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาจิตใจ: การหมกมุ่นอยู่กับกามคุณ ทำให้จิตใจไม่สงบ ไม่สามารถพัฒนาสติ สมาธิ และปัญญาได้
- นำไปสู่การเวียนว่ายตายเกิด: การติดอยู่ในกามตัณหา เป็นเหตุให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ อย่างไม่รู้จบสิ้น
แนวทางแก้ไข:
การจะเอาชนะความปรารถนาในกามได้นั้น ต้องอาศัยการฝึกฝนตนเอง รู้จักยับยั้งชั่งใจ เจริญสติ พิจารณาให้เห็นโทษของการหมกมุ่นในกาม และหันมาแสวงหาความสุขที่เกิดจากความสงบภายใน พัฒนาปัญญา เพื่อให้รู้เท่าทันกิเลส และดำเนินชีวิตตามหลักมรรคมีองค์ 8
สรุป:
พุทธศาสนสุภาษิตนี้สอนให้เราตระหนักถึงธรรมชาติของกามตัณหา ว่ายิ่งเสพก็ยิ่งติด ยิ่งบริโภคก็ยิ่งต้องการเพิ่มมากขึ้น ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นเหตุแห่งความทุกข์และการเวียนว่ายตายเกิด จึงควรฝึกฝนตนเองให้รู้จักยับยั้งชั่งใจ พัฒนาสติและปัญญา เพื่อเอาชนะความปรารถนาในกาม และแสวงหาความสุขที่แท้จริงอันเกิดจากความสงบภายใน