เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....

เมื่อจิตเลื่อมใสแล้ว ทักขิณาทานชื่อว่าน้อย ย่อมไม่มี
เมื่อจิตเลื่อมใสแล้ว ทักขิณาทานชื่อว่าน้อย ย่อมไม่มี

ความหมายของพุทธศาสนสุภาษิต
“เมื่อจิตเลื่อมใสแล้ว ทักขิณาทานชื่อว่าน้อย ย่อมไม่มี”

พุทธศาสนสุภาษิต “เมื่อจิตเลื่อมใสแล้ว ทักขิณาทานชื่อว่าน้อย ย่อมไม่มี” หมายความว่า เมื่อบุคคลมีจิตศรัทธาเลื่อมใสอย่างแท้จริงในพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ แล้ว แม้การถวายทานเพียงเล็กน้อย ก็ถือว่ามีผลบุญอันยิ่งใหญ่ ไม่มีคำว่าน้อยหรือด้อยค่าเลย

อธิบายขยายความได้ดังนี้:

  • จิตเลื่อมใส หมายถึง จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธา เคารพ และเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในคุณความดีของพระรัตนตรัย ความเลื่อมใสนี้ต้องออกมาจากใจจริง ไม่ใช่เพียงแค่ทำตามประเพณีหรือเพราะถูกบังคับ
  • ทักขิณาทาน หมายถึง ทานที่ถวายแก่ผู้ควรแก่การบูชา หมายถึง พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หรือผู้ที่ควรแก่การเคารพบูชาอื่นๆ
  • ชื่อว่าน้อย ย่อมไม่มี หมายถึง ไม่ว่าจะถวายสิ่งใด ปริมาณมากหรือน้อย ก็ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือ จิตใจที่เลื่อมใส ศรัทธา และเจตนาอันบริสุทธิ์ของผู้ให้ ดังนั้น แม้ถวายเพียงเล็กน้อย แต่ด้วยจิตที่เลื่อมใส ทานนั้นก็มีอานิสงส์มาก มหาศาล

หัวใจสำคัญของสุภาษิตนี้คือ “เจตนา” และ “ศรัทธา”

  • เจตนา: การทำทานนั้น ต้องเกิดจากเจตนาที่บริสุทธิ์ ต้องการช่วยเหลือผู้อื่น ต้องการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยไม่หวังผลตอบแทน
  • ศรัทธา: ความศรัทธาในพระรัตนตรัย จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้การทำทานนั้นมีพลัง และมีผลบุญมาก

เปรียบเทียบให้เห็นภาพ:

เหมือนกับการปลูกต้นไม้ หากเราปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์ที่ดี (เจตนาดี) ลงในดินที่ดี (ศรัทธาในพระรัตนตรัย) และหมั่นรดน้ำพรวนดิน (ทำทานสม่ำเสมอ) ต้นไม้นั้นก็จะเติบโตงอกงาม และออกผลมากมาย แม้ว่าเมล็ดพันธุ์นั้นจะเล็ก แต่ด้วยปัจจัยที่เหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยิ่งใหญ่

สรุป:

สุภาษิตนี้สอนให้เรารู้ว่า คุณค่าของการทำทานไม่ได้อยู่ที่ปริมาณของสิ่งของที่ถวาย แต่อยู่ที่จิตใจที่เลื่อมใสศรัทธา และเจตนาอันบริสุทธิ์ของผู้ให้ต่างหาก แม้ถวายเพียงเล็กน้อยด้วยใจที่เปี่ยมด้วยศรัทธา ก็มีผลบุญอันยิ่งใหญ่ ตรงกันข้าม หากถวายมากมายมหาศาล แต่ทำด้วยใจที่โลภ หวังผลตอบแทน หรือทำเพราะถูกบังคับ ทานนั้นก็จะมีอานิสงส์น้อย


เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....