เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....

สุมนสามเณร
สุมนสามเณร

พระอนุรุทธเถระ เป็น ๑ ใน ๘๐ พระอัครสาวกผู้ใหญ่ที่ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเอตทัคคะ ผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้มีทิพยจักษุญาณ เป็นโอรสที่พระบิดาถวายให้เป็นบริวารแด่เจ้าชายสิทธัตถะ ในคราวที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ

ครั้นเมื่อพระบรมโพธิสัตว์ เสด็จออกทรงผนวชและตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว อนุรุทธะพร้อมกับพระโอรสของเจ้าศากยะห้าพระองค์ มีเจ้าภัททิยะเป็นประมุข เข้าไปเฝ้าพระศาสดาที่ อนุปิยอัมพวัน ทรงผนวชแล้ว

ก็ครั้นผนวชแล้ว พระอนุรุทธะเป็นผู้ปฏิบัติชอบ ทำให้แจ้งวิชชา ๓ โดยลำดับ นั่งอยู่บนอาสนะเดียว สามารถเล็งดูโลกธาตุพันหนึ่งได้ด้วยทิพยจักษุ ดุจผลมะขามป้อมที่บุคคลวางไว้บนฝ่ามือฉะนั้น จึงเปล่งอุทานขึ้นว่า

เราย่อมระลึกได้ซึ่งบุพเพนิวาส ทิพยจักษุ เราก็ชำระแล้ว เราเป็นผู้ได้วิชชา ๓ เป็นผู้ถึงฤทธิ์ คำสอนของพระพุทธเจ้าอันเราทำแล้ว พิจารณาดูว่า เราทำกรรมอะไรหนอ จึงได้สมบัตินี้ ทราบได้ว่า เราได้ตั้งความปรารถนา ไว้แทบบาทมูลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตระ ทราบต่อไปอีกว่า เราท่องเที่ยวอยู่ในสงสาร ในกาลชื่อโน้น ได้อาศัยสุมนเศรษฐี ในเมืองพาราณสีเลี้ยงชีพ เป็นผู้ชื่อว่าอันนภาระ ดังนี้แล้ว กล่าวว่า

ในกาลก่อน เราเป็นผู้ชื่อว่าอันนภาระ เป็นคนเข็ญใจ ขนหญ้า เราถวายบิณฑบาตแก่พระอุปริฏฐปัจเจกพุทธะ ผู้มียศ

ครั้งนั้น ท่านได้มีความปริวิตกว่า สุมนเศรษฐีผู้เป็นสหายของเรา ได้กหาปณะแล้ว รับเอาส่วนบุญจากบิณฑบาตซึ่งเราถวายแก่พระอุปริฏฐปัจเจกพุทธะในกาลนั้น บัดนี้ เกิดในที่ไหนหนอแล

ทีนั้น ท่านได้เล็งเห็นเศรษฐีนั้นว่า บ้านชื่อว่ามุณฑนิคม มีอยู่ที่เชิงเขาใกล้ดงไฟไหม้  อุบาสกชื่อมหามุณฑะ ในมุณฑนิคมนั้น มีบุตรสองคน คือมหาสุมนะและจูฬสุมนะ ในบุตรสองคนนั้น สุมนเศรษฐีเกิดเป็นจูฬสุมนะ ก็ครั้นเห็นแล้ว คิดว่า เมื่อเราไปในที่นั้น อุปการะจะมีหรือไม่มีหนอ ท่านใคร่ครวญอยู่ได้เห็นเหตุนี้ว่า เมื่อเราไปในที่นั้น จูฬสุมนะนั้นมีอายุ  ๗ ขวบเท่านั้นจะขอออกบวช และจะบรรลุอรหัตผลในเวลาปลงผมเสร็จนั่นเอง

ก็แล ท่านครั้นเห็นแล้ว เมื่อกาลฝนใกล้เข้ามา จึงไปทางอากาศลงที่ประตูบ้าน ส่วนมหามุณฑอุบาสกเป็นผู้คุ้นเคยของพระเถระแม้ในกาลก่อนเหมือนกัน เขาเห็นพระเถระครองจีวรในเวลาบิณฑบาต จึงกล่าวกับมหาสุมนะผู้บุตรว่า พ่อ พระผู้เป็นเจ้าอนุรุทธเถระของเรามาแล้ว เจ้าจงไปรับบาตรของท่านให้ทันเวลาที่ใคร ๆ คนอื่นยังไม่รับบาตรของท่านไป  พ่อจะให้เขาปูอาสนะไว้

มหาสุมนะได้ทำอย่างนั้นแล้ว อุบาสกอังคาสพระเถระภายในเรือนโดยเคารพแล้ว รับปฏิญญาเพื่อต้องการแก่การอยู่จำพรรษาตลอดไตรมาส พระเถระรับนิมนต์แล้ว ครั้งนั้น อุบาสกปฏิบัติพระเถระตลอดไตรมาส เป็นเหมือนปฏิบัติอยู่วันเดียว ในวันมหาปวารณา จึงนำไตรจีวรและอาหารวัตถุมีน้ำอ้อย น้ำมัน และข้าวสารเป็นต้นมาแล้ว วางไว้ใกล้เท้าของพระเถระ เรียนว่า ขอพระผู้เป็นเจ้าจงรับเถิด ขอรับ

พระเถระกล่าวว่า อย่าเลยอุบาสก ความต้องการด้วยวัตถุนี้ของฉัน ไม่มี อุบาสกเรียนว่า ท่านผู้เจริญ นี่ชื่อว่า วัสสาวาสิกลาภ (คือลาภอันเกิดแก่ผู้อยู่จ าพรรษา)  ขอพระผู้เป็นเจ้าจงรับวัตถุนั้นไว้เถิด

พระเถระกล่าวว่า ช่างเถิด อุบาสก

อุบาสกถามว่า ท่านย่อมไม่รับเพื่ออะไร ขอรับ

พระเถระตอบว่า แม้สามเณรผู้เป็นกับปิยการก ในสำนักของฉันก็ไม่มี อุบาสกเรียนว่า ท่านผู้เจริญ ถ้าอย่างนั้น มหาสุมนะผู้เป็นบุตรของกระผมจักเป็น สามเณร

พระเถระกล่าวว่า อุบาสก ความต้องการด้วยมหาสุมนะของฉัน ก็ไม่มี อุบาสกเรียนว่า ท่านผู้เจริญ ถ้าอย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้าจงให้จูฬสุมนะ บวชเถิด พระเถระกล่าวว่า ดีละ แล้วให้จูฬสุมนะบวช จูฬสุมนะนั้นบรรลุอรหัตในเวลาปลงผม เสร็จนั่นเอง

พระเถระอยู่ในที่นั้นกับจูฬสุมนสามเณรนั้นประมาณกึ่งเดือนแล้ว ลาพวกญาติ ของเธอว่า พวกฉันจะเฝ้าพระพุทธเจ้า ดังนี้แล้วไปทางอากาศ ลงที่กระท่อมอันตั้งอยู่ในป่าในหิมวันตประเทศ

ดึกคืนนั้น ท่านพระอนุรุทธเถระเกิดปวดท้องด้วยกำลังลมเสียดท้อง สามเณรจึงถาม ว่ากระผมควรจะทำยาเช่นไรดีขอรับ

พระเถระกล่าวว่า เอาเนยใสผสมกับน้ำจากสระอโนดาตจึงจะหาย เธอถือเอาขวดน้ำนี้ไปใส่มาเถิด พญานาคที่อยู่ที่สระนั้นเป็นเพื่อนกับเรา เธอบอกเขาว่าฉันใช้ให้มาเอา  เขาก็ถวาย สามเณรรับว่า ขอรับ

สามเณรรับคำแล้วเหาะไป พอดีวันนั้นเป็นวันจัดงานเลี้ยงของพญานาคพอดี และ นาคก็กำลังดูนางรำฟ้อนรำอย่างสบายอารมณ์ พอเห็นสามเณรเหาะข้ามหัวตัวเองไปก็โกรธ  เพราะปกติพวกพญานาคนั้นขี้โกรธอยู่แล้ว จึงอยากลองฤทธิ์สามเณร จึงแผ่ขยายพังพานเจ็ดหัวของตัวเองปิดสระอโนดาตกว้าง ๑๕๐ โยชน์จนหมด (๑ โยชน์เท่ากับ ๑๖ กิโลเมตร) 

สามเณรรู้ว่านาคโกรธจึงกล่าวว่า

ดูก่อนท่านพญานาค อาตมา มาตักน้ำตามคำสั่งของอุปัชฌาย์ ขอท่านจงให้น้ำแก่ อาตมาเถิด พญานาคกล่าวว่า แม่น้ำใหญ่มีตั้งห้าสาย ทำไมท่านไม่ไปเอา ทำไมต้องมาเอาที่นี่ สามเณรตอบว่า อาตมาต้องนำน้ำจากที่นี่ไปผสมยา อาการของอุปัชฌาย์จึงจะหาย  ขอท่านจงให้น้ำเถิด พญานาคกล่าวว่า ถ้าท่านมีปัญญาท่านก็เอาไปสิ

สุมนสามเณร
สุมนสามเณร

สามเณรรู้ว่าพญานาคโกรธและกลั่นแกล้ง จึงเข้าฌานแยกร่างไปหาท้าวมหาพรหม ชั้นต่าง ๆ ๑๖ ชั้น ยกเว้นพรหมที่ไม่มีสัญญี (รูปร่าง) จากนั้นก็เชิญพรหมทั้งหมดมาดูศึกของตนเองและพญานาคที่หลังสระน้ำสามเณรถามพญานาคอีกว่า

ท่านจะให้น้ าแก่อาตมาได้หรือไม่

พญานาคตอบว่า ถ้าท่านมีปัญญาก็เอาไป

สามเณรถามสามครั้งเพื่อยืนยันตามธรรมเนียม จึงเนรมิตร่างให้ใหญ่กว่าพรหมที่มาประชุมกันทั้งหมดแล้วเอาเท้าเหยียบหัวพญานาคจากขนาด ๑๕๐ โยชน์ พญานาคถูกกดจนเหลือเท่าฝาทัพพี จมลงไปในน้ำเกลียวน้ำพุ่งขึ้นสูงจนเท่าลำตาลเจ็ดต้น สามเณรเอาขวดรองรับน้ำที่ตกลงมา เหล่าพรหมทั้งหลายสาธุการจนดังก้องไปทั่วบริเวณ พญานาคเห็นพรหม ก็รู้ว่าเรื่องของตนกระจายแน่ ๆ จึงโกรธสามเณรยิ่งกว่าเดิมและเหาะตามสามเณรไป แต่เหาะอย่างไรก็เหาะไม่ทัน สามเณรเหาะมาถึงและถวายน้ำแก่พระเถระ พญานาคร้องห้ามว่า

อย่าฉันนะท่าน น้ำนี่ไม่สมควรจะฉัน สามเณรเรียนว่า ฉันเถอะขอรับ พญานาค อนุญาตแล้ว พระเถระรู้ว่าสามเณรใช้ฤทธิ์ปราบนาค จึงฉันน้ำผสมเนยใส อาพาธก็ระงับ  แล้วถามพญานาคว่า ท่านมาทำไม

พญานาคตอบว่า กระผมจะฆ่าเณรนี่ ฉีกอก ควักหัวใจแล้วโยนไปภูเขาหิมาลัยโน่น

พระเถระกล่าวว่า มหาราช สามเณรมีอานุภาพมาก ท่านไม่สามารถสู้รบกับสามเณรได้ ควรให้สามเณรนั้นอดโทษแล้วกลับไปเสียเถิด พญานาคนั้นย่อมรู้อานุภาพของสามเณรได้ดี  แต่ติดตามมาเพราะความละอาย

ลำดับนั้น พญานาคให้สามเณรนั้นอดโทษตามคำของพระเถระ ทำความชอบพอกัน ฉันมิตรกับเธอ จึงกล่าวว่า จำเดิมแต่กาลนี้ เมื่อความต้องการด้วยน้ำในสระอโนดาตมีอยู่ กิจด้วยการมาแห่งพระผู้เป็นเจ้าย่อมไม่มี พระผู้เป็นเจ้าพึงส่งข่าวไปถึงข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเองจะนำน้ำมาถวาย ดังนี้แล้วหลีกไป แม้พระเถระก็พาสามเณรไปแล้ว

พระพุทธเจ้าทรงทราบการมาแห่งพระเถระ ประทับนั่งทอดพระเนตรอยู่บนปราสาทของมิคารมารดา ถึงพวกภิกษุก็เห็นพระเถระซึ่งกำลังมา ลุกขึ้นต้อนรับ รับบาตรและจีวร ครั้งนั้น ภิกษุบางพวกจับสามเณรที่ศีรษะบ้าง ที่หูทั้ง ๒ บ้าง ที่แขนบ้าง พลางเขย่า  กล่าวว่า ไม่กระสันหรือ สามเณร

พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นกิริยาของภิกษุเหล่านั้นแล้ว ทรงดำริว่า กรรมของภิกษุเหล่านี้หยาบจริง ภิกษุเหล่านี้จับสามเณรเป็นดุจจับอสรพิษที่คอ พวกเธอหารู้อานุภาพของสามเณรไม่ วันนี้ การที่เราทำคุณของสุมนสามเณรให้ปรากฏ สมควรอยู่ แม้พระเถระก็มาถวายบังคมพระพุทธเจ้า แล้วนั่ง

พระพุทธเจ้าทรงทำปฏิสันถารกับท่านแล้ว ตรัสเรียกพระอานนทเถระมาว่า อานนท์ เรามีความประสงค์จะล้างเท้าทั้งสองด้วยน้ำในสระอโนดาต เธอจงให้หม้อแก่พวกสามเณร แล้วให้นำน้ำมาเถิด พระเถระให้สามเณรประมาณ ๕๐๐ ในวิหารประชุมกันแล้ว

บรรดาสามเณรเหล่านั้น สุมนสามเณรได้เป็นผู้ใหม่กว่าสามเณรทั้งหมด พระเถระ กล่าวกะสามเณรผู้แก่กว่าสามเณรทั้งหมดว่า สามเณร พระพุทธเจ้ามีพระประสงค์จะทรงล้างพระบาททั้งสองด้วยน้ำในสระอโนดาต เธอจงถือหม้อน้ำไปนำน้ำมาเถิด สามเณรนั้น ไม่ปรารถนา ด้วยกล่าวว่า กระผมไม่สามารถ ขอรับ พระเถระถามสามเณรทั้งหลายแม้ที่เหลือ โดยลำดับ แม้สามเณรเหล่านั้น ก็พูดปลีกตัวทำนองเดียวกัน

ในที่สุด เมื่อวาระถึงแก่สุมนสามเณรเข้า พระเถระกล่าวว่า สามเณร พระพุทธเจ้ามีพระประสงค์จะทรงล้างพระบาททั้งสองด้วยน้ำในสระอโนดาต ได้ยินว่า เธอจงถือเอาหม้อ ไปตักน้ำมา

สุมนสามเณรเรียนว่า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงให้น้ำมา กระผมจะนำมา ดังนี้แล้ว ถวายบังคมพระพุทธเจ้าแล้ว กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ได้ยินว่า พระองค์ให้ข้าพระองค์นำน้ำมาจากสระอโนดาตหรือ พระเจ้าข้า

พระพุทธเจ้าตรัสว่า อย่างนั้น สุมนะ

สุมนสามเณรเอามือจับหม้อใหญ่ใบหนึ่ง ซึ่งจุน้ำได้ตั้ง ๖๐ หม้อ ในบรรดาหม้อสำหรับเสนาสนะ ซึ่งเลี่ยมดาดด้วยทองแท่ง อันนางวิสาขาให้สร้างไว้ หิ้วไปด้วยคิดว่า ความต้องการของเราด้วยหม้อ อันเรายกขึ้นตั้งไว้บนจะงอยบ่านี้ ย่อมไม่มี เหาะขึ้นสู่เวหาส บ่ายหน้าต่อหิมวันตประเทศ รีบไปแล้ว

นาคราชเห็นสามเณรซึ่งกำลังมาแต่ไกล จึงต้อนรับ แบกหม้อด้วยจะงอยบ่า กล่าวว่า ท่านเจ้าข้า เมื่อผู้รับใช้เช่นข้าพเจ้ามีอยู่ เพราะอะไร พระคุณเจ้าจึงมาเสียเอง เมื่อความต้องการน้ำมีอยู่ เหตุไร พระคุณเจ้าจึงไม่ส่งเพียงข่าวสาสน์มา ดังนี้แล้ว เอาหม้อตักน้ำ แบกเองกล่าวว่า นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าล่วงหน้าไปก่อนเถิดขอรับ ข้าพเจ้าเองจะนำไป

สามเณรกล่าวว่า มหาราช ท่านจงหยุด ข้าพเจ้าเองเป็นผู้อันพระพุทธเจ้าใช้มา ดังนี้  ให้พญานาคกลับแล้ว เอามือจับที่ขอบปากหม้อ เหาะมาทางอากาศ

ลำดับนั้น พระพุทธเจ้าทรงแลดูเธอซึ่งกำลังมา ตรัสเรียกพวกภิกษุมาแล้ว ตรัสว่า  ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูการเยื้องกรายของสามเณร เธอย่อมงดงามดุจพระยาหงส์ ในอากาศฉะนั้น แม้สามเณรนั้นวางหม้อน้ำแล้ว ได้ถวายบังคมพระพุทธเจ้าแล้วยืนอยู่

ลำดับนั้น พระพุทธเจ้าตรัสถามเธอว่า สุมนะ เธอมีอายุได้เท่าไร สามเณรกราบทูลว่า มีอายุ ๗ ขวบ พระเจ้าข้า พระพุทธเจ้าตรัสว่า สุมนะ ถ้ากระนั้น ตั้งแต่วันนี้ เธอจงเป็นภิกษุ เถิด ดังนี้แล้ว ได้ประทานทายัชชอุปสมบท

ได้ยินว่า สามเณรผู้มีอายุ ๗ ปี ๒ รูปเท่านั้น ได้อุปสมบท คือสุมนสามเณรนี้รูปหนึ่ง โสปากสามเณร อีกรูปหนึ่ง (ในที่บางแห่งว่า ๓ รูป มี สามเณรทัพพะด้วย ๑)

เมื่อสุมนสามเณรนั้นอุปสมบทแล้วอย่างนั้น พวกภิกษุสนทนากันในโรงธรรมว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย กรรมนี้น่าอัศจรรย์ อานุภาพของสามเณรน้อย แม้เห็นปานนี้ก็มีได้ อานุภาพ เห็นปานนี้ พวกเราไม่เคยเห็นแล้ว ในกาลก่อนแต่กาลนี้ พระพุทธเจ้าเสด็จมาแล้ว ตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วย เรื่องอะไรหนอ เมื่อพวกเธอกราบทูลว่า ด้วยเรื่องชื่อนี้ พระเจ้าข้า ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย  ในศาสนาของเรา บุคคลแม้เป็นเด็ก ปฏิบัติชอบแล้ว ย่อมได้สมบัติเห็นปานนี้เหมือนกัน


เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....