
ในบรรดาพุทธสถานอันศักดิ์สิทธิ์ ณ เมืองราชคฤห์ อดีตเมืองหลวงแห่งแคว้นมคธ ท่ามกลางหุบเขาที่โอบล้อม มีสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งแม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่โอ่อ่า แต่กลับมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา สถานที่นั้นคือ “ถ้ำสุกรขาตา” ณ เชิงเขาคิชฌกูฏ ถ้ำเล็กๆ แห่งนี้คือสถานที่ที่ พระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา ได้บรรลุคุณธรรมขั้นสูงสุด สำเร็จเป็นพระอรหันต์ผู้เลิศในด้านปัญญาอย่างสมบูรณ์
จาก “อุปติสสะ” สู่ “พระสารีบุตร” อัครสาวกผู้แสวงหา
ก่อนที่ท่านจะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ พระสารีบุตรมีนามเดิมว่า “อุปติสสะ” เป็นมาณพหนุ่มผู้ปราดเปรื่อง ออกบวชเพื่อแสวงหาโมกขธรรมหรือหนทางแห่งการหลุดพ้น จนกระทั่งได้พบกับพระอัสสชิ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ และได้สดับธรรมเพียงย่อๆ ว่า “เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา…” (ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น) เพียงได้ฟังเท่านี้ ปัญญาอันแก่กล้าของท่านก็ทำให้เกิดดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระโสดาบัน และได้เข้ามาอุปสมบทในพระพุทธศาสนาพร้อมกับสหายคือนายโกลิตะ (พระโมคคัลลานะ)
แม้จะบรรลุโสดาบันแล้ว แต่พระสารีบุตรยังคงบำเพ็ญเพียรอย่างหนักเพื่อมุ่งสู่คุณธรรมเบื้องสูงต่อไป
เหตุการณ์สำคัญ ณ ถ้ำสุกรขาตา: เมื่อปัญญาถึงความสมบูรณ์
หลังจากที่พระสารีบุตรอุปสมบทได้ 15 วัน พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับ ณ ถ้ำสุกรขาตาแห่งนี้ ขณะนั้นเอง ทีฆนขปริพาชก ผู้เป็นหลานของพระสารีบุตร ได้เข้ามาทูลถามปัญหาและแสดงทิฏฐิของตนต่อพระพุทธองค์
พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงพระธรรมเทศนา “เวทนาปริคคหสูตร” โปรดทีฆนขปริพาชก โดยทรงชี้ให้เห็นถึงสภาวะของ เวทนา (ความรู้สึก) ทั้ง 3 ประการ คือ สุขเวทนา (ความสุข), ทุกขเวทนา (ความทุกข์), และอทุกขมสุขเวทนา (ความรู้สึกเฉยๆ) ว่าทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเราหรือของของเรา
ในขณะที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมอยู่นั้น พระสารีบุตรซึ่งกำลังยืนถวายงานพัดอยู่เบื้องหลัง ได้ตั้งใจฟังและส่งกระแสจิตพิจารณาตามพระธรรมเทศนานั้นอย่างแยบคาย ด้วยปัญญาที่สั่งสมมาอย่างเต็มเปี่ยม ท่านได้พิจารณาเห็นแจ้งในสภาวะของเวทนาตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน จนจิตของท่านปล่อยวางจากความยึดมั่นทั้งปวงโดยสิ้นเชิง
เมื่อจบพระธรรมเทศนาลง จิตของพระสารีบุตรก็หลุดพ้นจากอาสวกิเลสทั้งปวง บรรลุเป็น “พระอรหันต์” โดยสมบูรณ์
ณ ถ้ำแห่งนี้เองที่ปัญญาของพระอัครสาวกเบื้องขวาได้ถึงความสมบูรณ์สูงสุด ในขณะเดียวกัน ทีฆนขปริพาชกผู้เป็นหลานก็ได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระโสดาบันเช่นกัน

ความสำคัญและข้อคิดจากถ้ำสุกรขาตา
ถ้ำสุกรขาตาจึงไม่ใช่เป็นเพียงถ้ำธรรมดา แต่เป็นอนุสรณ์สถานที่เตือนใจพุทธศาสนิกชนถึงเหตุการณ์สำคัญ 3 ประการ:
- เป็นสถานที่บรรลุอรหัตผลของพระสารีบุตร: ยืนยันถึงความเป็นเลิศทางปัญญาของท่านอย่างไม่มีข้อสงสัย
- เป็นเครื่องยืนยันว่าการบรรลุธรรมเกิดขึ้นได้ทุกขณะ: แม้ในขณะที่กำลังทำหน้าที่เล็กๆ อย่างการถวายงานพัด หากมีสติและปัญญาที่พร้อม ก็สามารถเข้าถึงธรรมชั้นสูงได้
- เป็นสถานที่แสดงพระธรรมเทศนาอันลึกซึ้ง: ว่าด้วยการไม่ยึดติดในเวทนา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น
ทุกวันนี้ ถ้ำสุกรขาตายังคงเป็นจุดหมายสำคัญสำหรับผู้ที่เดินทางไปจาริกแสวงบุญ ณ เมืองราชคฤห์ เป็นสถานที่แห่งความสงบที่เชิญชวนให้เราได้ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า และปัญญาอันยิ่งใหญ่ของพระสารีบุตร อัครสาวกผู้เป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบมา