
เมื่อเราเดินทางไปวัดในประเทศไทย ภาพที่คุ้นตาที่สุดอย่างหนึ่งคือแผ่นหินที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบพระอุโบสถ แผ่นหินเหล่านี้ที่เรียกว่า “ใบเสมา” ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องประดับเพื่อความสวยงาม แต่มีความเป็นมาและความหมายที่ลึกซึ้งทั้งในเชิงหน้าที่ตามพระวินัยและในเชิงสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา
ความเป็นมา: จุดเริ่มต้นแห่งเขตแดนสงฆ์
แนวคิดของ “เสมา” มีรากฐานมาจากพระวินัยปิฎกในสมัยพุทธกาล คำว่า “สีมา” ในภาษาบาลีหมายถึง “เขตแดน” หรือ “ขอบเขต” ในยุคแรกเริ่ม พระพุทธเจ้าได้ทรงอนุญาตให้พระสงฆ์กำหนดเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า “พัทธสีมา” ขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุมทำสังฆกรรมร่วมกันของคณะสงฆ์ กิจกรรมที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำภายในเขตพัทธสีมานี้คือ การอุปสมบท หรือการบวชพระภิกษุ ซึ่งจะถือว่าสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อทำในเขตที่กำหนดไว้อย่างถูกต้องเท่านั้น
ในสมัยโบราณ การกำหนดเขตสีมาอาจใช้เครื่องหมายตามธรรมชาติ เช่น ก้อนหินขนาดใหญ่, จอมปลวก, หรือต้นไม้ แต่เมื่อพระพุทธศาสนาเผยแผ่มายังดินแดนสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะในสมัยทวารวดี (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-16) ได้เกิดการพัฒนา “ใบเสมา” ให้กลายเป็นแผ่นหินที่แกะสลักอย่างงดงาม ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ใบเสมาให้เป็นงานพุทธศิลป์อันทรงคุณค่าจวบจนปัจจุบัน
ความหมายของใบเสมา
ความหมายของใบเสมาสามารถมองได้สองมิติหลัก คือความหมายในเชิงหน้าที่ และความหมายเชิงสัญลักษณ์
1. ความหมายในเชิงหน้าที่ (เขตแดนตามพระวินัย)
หน้าที่หลักและสำคัญที่สุดของใบเสมาคือการเป็น เครื่องหมายบอกขอบเขตของอุโบสถ ตามธรรมเนียมแล้ว จะมีการปักใบเสมาไว้ทั้งหมด 8 ใบ ตามทิศหลักและทิศเฉียงทั้งแปดทิศรอบอุโบสถ เพื่อแสดงอาณาเขตของพัทธสีมาอย่างชัดเจน โดยใต้ตำแหน่งของใบเสมาแต่ละใบจะมีการฝัง “ลูกนิมิต” ซึ่งเป็นหินทรงกลมไว้เป็นเครื่องหมายสำคัญใต้ดินอีกชั้นหนึ่ง การมีอยู่ของใบเสมาจึงเป็นการรับรองว่าพื้นที่นั้นได้รับการสถาปนาอย่างถูกต้องตามพระวินัย และสามารถใช้ประกอบสังฆกรรมที่สำคัญได้
2. ความหมายในเชิงสัญลักษณ์
นอกเหนือจากหน้าที่ตามพระวินัย ใบเสมายังเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายเชิงสัญลักษณ์อันลึกซึ้ง
- เส้นแบ่งระหว่างโลกียะและโลกุตตระ: ใบเสมาเป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งแยกพื้นที่ทางโลกภายนอก (โลกียะ) ออกจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ภายใน (โลกุตตระ) การก้าวผ่านเข้ามาในเขตใบเสมาจึงเปรียบได้กับการเข้าสู่เขตแห่งธรรมอันบริสุทธิ์
- สัญลักษณ์แห่งการตรัสรู้: รูปทรงของใบเสมาที่มักมีลักษณะคล้ายใบไม้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “ใบโพธิ์” ซึ่งเป็นต้นไม้ที่พระพุทธองค์ประทับนั่งและตรัสรู้ การนำรูปทรงนี้มาใช้จึงเป็นการเชื่อมโยงพื้นที่ของอุโบสถเข้ากับเหตุการณ์การตรัสรู้โดยตรง
- สัญลักษณ์แห่งพระธรรม: ลวดลายที่แกะสลักบนใบเสมาล้วนมีความหมายทางธรรม โดยลายที่พบบ่อยที่สุดคือ “ธรรมจักร” หรือวงล้อแห่งธรรม ซึ่งเป็นตัวแทนของพระธรรมคำสอนและการประกาศพระศาสนาครั้งแรกของพระพุทธเจ้า บางครั้งอาจพบการแกะสลักเป็นภาพเทพชุมนุม, สถูปเจดีย์ หรือลวดลายอื่นๆ ที่ล้วนสะท้อนถึงความเชื่อและความเคารพในพระรัตนตรัย

โดยสรุป ใบเสมาจึงเป็นมากกว่าแผ่นหิน แต่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ผสมผสานหน้าที่ตามพระวินัยสงฆ์เข้ากับความศรัทธาทางศาสนาและความงดงามทางศิลปะได้อย่างลงตัว เป็นเครื่องหมายแห่งเขตแดนอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นงานพุทธศิลป์ที่บอกเล่าเรื่องราวแห่งพระพุทธศาสนาให้เราได้ศึกษาและชื่นชมสืบมา