
ภาพของรอยจารึกอักษรพราหมีโบราณบนแผ่นหินที่เก่าแก่ ณ มหาสถูปสาญจีนี้ ไม่ใช่พระราชโองการของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่คือ “เสียง” ของสามัญชนที่เปี่ยมด้วยศรัทธา เป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่าที่บอกเล่าเรื่องราวการมีส่วนร่วมของมหาชนในการสร้างหนึ่งในพุทธสถานที่สำคัญที่สุดของโลก
จารึกเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นในสมัย ราชวงศ์ศุงคะ (Shunga Dynasty) ซึ่งอยู่ในช่วงประมาณ พ.ศ. 358 ถึง พ.ศ. 470 ซึ่งเป็นยุคสมัยแห่งการบูรณะและต่อเติมมหาสถูปครั้งสำคัญ หลังจากที่พระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงสร้างแกนสถูปอิฐดั้งเดิมไว้
การต่อเติมครั้งใหญ่ด้วยพลังมหาชน
ในช่วงประมาณ พ.ศ. 388 ถึง พ.ศ. 443 ได้มีการหุ้มสถูปอิฐเดิมด้วยแผ่นหิน และที่สำคัญคือการก่อสร้าง รั้วหินขนาดใหญ่ (เวทิกา) ล้อมรอบองค์สถูป การก่อสร้างครั้งใหญ่นี้ไม่ได้อาศัยเพียงราชทรัพย์จากกษัตริย์ แต่เป็นโครงการที่สำเร็จลงได้ด้วย “กองทุนมหาศรัทธา” จากพุทธศาสนิกชนทุกชนชั้น
เพื่อเป็นที่ระลึกถึงการบริจาคของตน บรรดาผู้มีจิตศรัทธาจึงได้สลักชื่อและข้อความสั้นๆ ไว้บนส่วนต่างๆ ของรั้วหินที่ตนได้บริจาค ไม่ว่าจะเป็นเสา, คาน หรือส่วนประกอบอื่นๆ

เสียงกระซิบจากอดีต
จารึกบนแผ่นหินดังที่ปรากฏในภาพ คือหลักฐานของการบริจาคเหล่านั้น ข้อความส่วนใหญ่มักจะเรียบง่ายและตรงไปตรงมา เช่น “ของขวัญ (ทาน) จากภิกษุณีนาง…จากเมือง…” หรือ “ทานจากช่างแกะสลักงาช้างแห่งเมืองเวทิสา”
รายชื่อผู้บริจาคที่ถูกจารึกไว้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของผู้คนในสังคมอย่างน่าทึ่ง ประกอบไปด้วย:
- พระภิกษุและภิกษุณี
- อุบาสกและอุบาสิกา (ชาวบ้านทั่วไป)
- พ่อค้าและคหบดี
- ช่างฝีมือสาขาต่างๆ เช่น ช่างแกะสลักงาช้าง, ช่างเหล็ก
- ประชาชนจากเมืองต่างๆ ที่เดินทางมาจาริกแสวงบุญ
จารึกเหล่านี้จึงเป็นมากกว่าแค่รายชื่อ แต่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญที่ยืนยันว่า พระพุทธศาสนาในยุคสมัยนั้นได้หยั่งรากลึกลงในหัวใจของผู้คนทุกระดับชั้น และการธำรงรักษาพุทธสถานอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ คือภารกิจที่ทุกคนร่วมใจกันสร้างขึ้นมาด้วยพลังแห่งศรัทธาอย่างแท้จริง